โยเกิร์ต

โยเกิร์ต หรือนมเปรี้ยว คือผลิตภัณฑ์จากนม ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี มีหลากรสและนำไปดัดแปลงได้หลายรูปแบบ วางเรียงรายกันเต็มชั้นตู้แช่ในซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อ มีราคาถูก รวมถึงคุณประโยชน์มากมาย ที่พวกเรามักจะได้ยินเป็นประจำตามโฆษณาในโทรทัศน์

โยเกิร์ต คืออะไร 

โยเกิร์ตกำเนิดขึ้น และอยู่คู่กับชาวตะวันตกมายาวนาน ว่ากันว่ามันถูกคิดค้นขึ้น ตั้งแต่ยุคเมโสโปเตเมียเมื่อ 5,000 ปีก่อนคริสตกาล โยเกิร์ตเป็นส่วนผสมหลักในอาหาร ของชาวกรีกโบราณ กินกับน้ำผึ้งที่หน้าตาและเนื้อสัมผัส น่าจะคล้ายคลึงกับกรีกโยเกิร์ต ที่เรากินในปัจจุบัน นอกจากนั้น โยเกิร์ตก็ยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้กันในหมู่ชาวเติร์ก ก่อนที่ในเวลาถัดมา การกินโยเกิร์ตจะค่อยๆ แพร่หลายไปยังท้องถิ่นอื่นๆ ทั่วโลก

โยเกิร์ตก็คือผลิตภัณฑ์ที่เกิดจาก การนำเชื้อแบคทีเรีย หรือที่เรียกว่าหัวเชื้อไปหมักในนม ซึ่งแบคทีเรียตัวนี้จะกินน้ำตาลแลคโตส ที่มีเฉพาะในนมเป็นอาหาร และปล่อยกรดแลคติกออกมา ซึ่งทำปฏิกิริยากับโปรตีนในนม ที่ทำให้นมมีเนื้อสัมผัสเปลี่ยนไป และมีรสชาติอมเปรี้ยว นมที่นิยมนำมาทำเป็นโยเกิร์ตก็คือนมวัว แต่จริงๆ แล้วเราสามารถใช้นมจากสัตว์หลายชนิด เช่น นมแพะ นมแกะ นมอูฐ นมม้า หรือก็คือนำนมมาจากสัตว์ ที่นิยมเลี้ยงในท้องถิ่นนั่นเอง หากคุณกำลังมองหาสร้อยข้อมือ มีบางสิ่งที่เหมาะกับทุกลุค ตั้งแต่การโอบรับร่างกายไปจนถึงการสวมแบบมีโครงสร้าง ตั้งแต่ข้อมือไปจนถึงสายโซ่ chain bracelet และข้อมือ

โยเกิร์ต
ประโยชน์จากโยเกิร์ต มีอะไรบ้าง

1. แก้ท้องผูก
ท้องผูกเป็นอาการที่เกิดได้กับทุกคน ไม่ว่าจะเด็ก หรือผู้ใหญ่ สาเหตุเกิดมาจากการกินอาหารที่มีกากใยน้อยเกินไป ซึ่งชาวบัลแกเรียนิยมกินโยเกิร์ตเป็นประจำ ช่วยแก้ท้องผูก เพราะช่วยปรับสมดุล ของระบบทางเดินอาหาร และระบบขับถ่าย โยเกิร์ตมีแบคทีเรีย ที่ดีต่อลำไส้จึงสามารถช่วย กระตุ้นระบบย่อยอาหาร และระบบขับถ่ายให้ดีขึ้น ช่วยกระตุ้นภายในลำไส้ทำให้ขับถ่ายคล่องในทุก ๆ เช้า แล้วโยเกิร์ตยังช่วยแก้อาการท้องเสีย การติดเชื้อบริเวณลำไส้ได้อีกด้วย

2. ควบคุมน้ำหนัก
โยเกิร์ตอุดมไปด้วยโปรตีน จึงช่วยให้อิ่มท้อง แต่ถ้าหากต้องการลดน้ำหนัก ควรเลือกโยเกิร์ตรสธรรมชาติ หรือกรีกโยเกิร์ต เพราะมีโปรตีนสูงเป็น 2 เท่าของโยเกิร์ตทั่วไป แล้วยังให้แคลอรี่ต่ำ เมื่อเทียบกับโยเกิร์ตที่ แต่งกลิ่นธรรมชาติ ซึ่งแคลอรี่และน้ำตาลสูงมาก ทางที่ดีที่สุดคือ ควรผสมโยเกิร์ตกับผลไม้สด ๆลงไปเพื่อรสชาติที่อร่อยกลมกล่อม แล้วยังได้วิตามิน และไฟเบอร์อีกด้วย

3. ช่วยกระตุ้นการทำงานลำไส้
แลคโตบาซิลัสในโยเกิร์ต เป็นจุลินทรีย์ที่ร่างกายต้องการ ซึ่งจะไปช่วยหยุดการเจริญเติบโตของเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ เอชไพโลไร ที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะ ลดการอักเสบของลำไส้ ยังมีผลการวิจัยว่า คนที่กินโยเกิร์ตเป็นประจำ ช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้

4. ช่วยรักษาเชื้อราในช่องคลอด
สาว ๆ มักมีปัญหาเชื้อราบริเวณช่องคลอด ลองหันมากินโยเกิร์ตเป็นประจำดูสิ เพราะโยเกิร์ต มีจุลินทรีย์ที่สามารถช่วยกำจัดกลิ่น อันไม่พึงประสงค์ได้อันเกิด เนื่องมาจากเชื้อราต่าง ๆ แค่รับประทานโยเกิร์ตเป็นประจำทุกวัน จะช่วยลดอาการช่วยลด การติดเชื้อลงถึง 3 เท่าเลย แล้วโยเกิร์ตช่วยรักษา ช่องคลอดอักเสบอันเกิดจากเชื้อรา หรือเชื้อแบคทีเรียได้

โยเกิร์ต

5. มีแคลเซียมสูง
โยเกิร์ตอุดมไปด้วยแคลเซียม และฟอสฟอรัส จึงช่วยเสริมสร้างกระดูก และฟันให้แข็งแรง เพราะโยเกิร์ตมีกรดแลกติก ที่จะช่วยย่อยแคลเซียมให้เล็กลง ทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมไปใช้ได้ง่ายขึ้น แคลเซียมที่ได้จากโยเกิร์ต จะทำให้กระดูกแข็งแรง ลดความเสี่ยงการเป็นโรคกระดูกพรุน ป้องกันความดันสูง ต้านมะเร็งลำไส้ ลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งบริเวณเนื้อเยื่อกระดูก ที่สำคัญโยเกิร์ตให้โปรตีน และแคลเซียมสูงกว่านมธรรมดาทั่วไป

6. ช่วยลดกลิ่นปาก
เพียงแค่ทานโยเกิร์ตเป็นประจำ สามารถช่วยลดระดับไฮโดรเจนซัลไฟด์ ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก และลมหายใจมีกลิ่นเหม็น แล้วยังช่วยบำรุงเหงือก และฟัน ลดอาหารเหงือกอักเสบได้อีกด้วย สาเหตุที่ทานโยเกิร์ตแล้วช่วยให้ไม่มีกลิ่นปาก เนื่องจากแลคโตบาซิลลัส และสเตรปโตคอคคัส จะช่วยกำจัดแบคทีเรียในปาก จึงช่วยลดกลิ่นปากจากการสะสมของแบคทีเรียได้นั่นเอง

7. ช่วยลดคอเลสเตอรอล
การรับประทานโยเกิร์ต ซึ่งมีโพรไบโอติกอยู่ด้วย จะสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ที่ไม่ดีในร่างกายได้ โยเกิร์ตจะช่วยลดคอเลสเตอรอล LDL ซึ่งเป็นไขมันชนิดเลวให้ลดลง แล้วการรับประทานโยเกิร์ต ยังช่วยลดความดันโลหิต และยังกระตุ้นระบบเผาผลาญ ให้ทำงานได้ดีขึ้นด้วย นอกจากนี้โยเกิร์ตยังช่วยลดระดับ ไตรกลีเซอรไรด์ กลูโคส และน้ำตาลในเลือด

โยเกิร์ตจัดเป็นผลิตภัณฑ์ประเภท probiotics ซึ่งหมายถึงอาหารที่ประกอบด้วย จุลินทรีย์ที่ยังมีชีวิตซึ่ง เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย  เนื่องจากสามารถปรับสมดุล ของเชื้อจุลินทรีย์ในลำไส้ของผู้บริโภค    ผลิตภัณฑ์ประเภท probiotics นอกจากโยเกิร์ตแล้ว ยังได้แก่ นมเปรี้ยว ผักดอง  คีเฟอร์

คุณค่าทางอาหารของโยเกิร์ตนั้นจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับปริมาณแบคทีเรียที่ยังมีชีวิตในโยเกิร์ตในขณะที่รับประทาน  ดังนั้นขบวนการผลิต การบรรจุ การเก็บ  ตลอดจนการขนส่ง ล้วนแล้วแต่มีผลต่อคุณภาพของโยเกิร์ต  ถึงแม้ว่าจะไม่มีมาตรฐานที่แน่นอนในการกำหนดคุณภาพของโยเกิร์ต แต่โยเกิร์ตที่ดีควรมีแบคทีเรียที่ยังมีชีวิต 100 ถึง 1000 ล้านตัวต่อปริมาณโยเกิร์ต 1 มิลลิกรัม

การรับประทานโยเกิร์ต ให้ได้รับประโยชน์เต็มที่นั้น ต้องรับประทานเป็นประจำและต้องเป็นปริมาณที่มากพอ เพื่อให้มีปริมาณแบคทีเรียในลำไส้ปริมาณหนึ่ง  เนื่องจากแบคทีเรียใน โยเกิร์ตจะถูกขับออก จากร่างกายในเวลาไม่นานนัก

One Response

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *