ฟาวิพิราเวียร์ (Facipiravir) ยาต้านไวรัสรักษาอาการใดบ้าง

ฟาวิพิราเวียร์

ฟาวิพิราเวียร์ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 ยา Favipiravir ถือเป็นยาตัวหลักที่สำคัญเพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เนื่องจากมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูง
ยา Favipiravir เป็นยาต้านไวรัส RNA ชนิดออกฤทธิ์กว้าง นอกจากออกฤทธิ์กับเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้แล้ว ยังออกฤทธิ์ต่อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ไวรัสชิคุนกุนยาที่มียุงลายเป็นพาหะได้อีกด้วย
เนื่องจากยา Favipiravir เป็นยาตัวใหม่ จึงมีข้อมูลการศึกษาทางวิชาการไม่มากนักเพื่อใช้ยืนยันเกี่ยวกับการใช้ยาในผู้ป่วยกลุ่มต่างๆ ทำให้การใช้ยาฟาวิพิราเวียร์กับผู้ป่วยโรค โควิด มีข้อจำกัดมากมาย และต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้น

Favipiravir คือยาอะไร?

ยาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) คือ ยาต้านไวรัสออกฤทธิ์ได้กว้างชนิดหนึ่ง มีสรรพคุณยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัส RNA ที่หลากหลาย เช่น ไวรัสไข้หวัดใหญ่ ไวรัสชิคุนกุนยา และไวรัสโคโรนา 2019 ด้วยประสิทธิภาพในการออกฤทธิ์ต่อต้านไวรัสที่สูง ยาฟาวิพิราเวียร์จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการรักษาผู้ป่วย Covid-19 ในปัจจุบัน เนื่องจากมีความปลอดภัยและช่วยลดโอกาสการเสียชีวิตได้

ฟาวิพิราเวียร์

การออกฤทธิ์ของ Favipiravir

การออกฤทธิ์ของยา ฟาวิพิราเวียร์ เพื่อต้านไวรัสชนิด RNA ในร่างกายจะเกิดขึ้นทั้งหมด 2 ลักษณะ ดังนี้

  1. การออกฤทธิ์ยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัส: ฟาวิพิราเวียร์จะเปลี่ยนสภาพให้เป็น favipiravir-ribofuranosyl-5’ triphosphate (RTP) แล้วเข้าไปยับยั้งเอนไซม์ RNA-dependent RNA polymerase ในไวรัส ทำให้ไวรัสไม่สามารถแบ่งตัวเพิ่มได้
  2. การออกฤทธิ์ให้ไวรัสกลายพันธุ์: เมื่อยับยั้งการทำงานของไวรัสได้แล้ว ก็จะเข้าไปแปลงพันธุกรรมในไวรัสให้กลายพันธุ์จนเกิดความผิดปกติ เมื่อไวรัสอ่อนแอลงภูมิต้านทานในร่างกายก็จะสามารถกำจัดไวรัสได้

วิธีใช้ยา Favipiravir และปริมาณที่เหมาะสม

การใช้ยา Favipiravir เพื่อรักษาอาการที่เกิดจากเชื้อไวรัส ควรรับประทานอย่างน้อย 5 วัน และต้องอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมกับร่างกาย ดังนี้

  • การใช้ยาสำหรับผู้ใหญ่: ในวันแรกรับประทานยาฟาวิพิราเวียร์ 1600 มิลลิกรัม 2 ครั้ง (รับประทานครั้งละ 8 เม็ด) และในวันถัดไป รับประทานยา 600 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง (รับประทานครั้งละ 3 เม็ด)
  • การใช้ยาสำหรับเด็ก: ในวันแรกรับประทานยาฟาวิพิราเวียร์ 30 มิลลิกรัม 2 ครั้ง และในวันถัดไป รับประทานยา 10 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง

สำหรับการรักษาโรคโควิด 19

การใช้ยาสำหรับผู้ใหญ่: ในวันแรกรับประทานยาฟาวิพิราเวียร์ 1800 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง (รับประทานครั้งละ 9 เม็ด) และในวันถัดไปรับประทานยา 800 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง (รับประทานครั้งละ 4 เม็ด)

การใช้ยาสำหรับผู้ใหญ่ที่น้ำหนักตัวมากกว่า 90 กก.: ในวันแรกรับประทานยาฟาวิพิราเวียร์ 2400 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง (รับประทานครั้งละ 12 เม็ด) และในวันถัดไปรับประทานยา 1000 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง (รับประทานครั้งละ 5 เม็ด)

การใช้ยาสำหรับเด็ก: ในวันแรกรับประทานยาฟาวิพิราเวียร์ 60 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม แบ่งรับประทาน 2 ครั้ง และในวันถัดไป รับประทานยา 20 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน แบ่งรับประทาน 2 ครั้ง

ฟาวิพิราเวียร์

ข้อควรระมัดระวังในการใช้ยา Favipiravir

ผู้ที่สามารถใช้ยา Favipiravir ได้

  • ผู้ป่วยอายุ 60 ปีขึ้นไป
  • ผู้ที่มีอาการของโรคติดเชื้อไวรัสระดับปานกลางไปจนถึงรุนแรง
  • ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคปอดบวม โรคปอดเรื้องรัง โรคตับ โรคไต โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน
  • ผู้ป่วยที่มีภาวะอ้วน
  • ผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง

ผู้ที่ไม่ควรใช้ยา Favipiravir

  • ผู้ป่วยที่กำลังตั้งครรภ์ในช่วง 3 เดือนแรก หรือผู้ป่วยที่สงสัยว่าจะตั้งครรภ์ เพราะยาอาจส่งผลให้ทารกพิการได้ แพทย์อาจพิจารณาให้ใช้ยาตัวอื่นที่ปลอดภัยกว่า อย่างเช่น Remdesivir
  • ผู้ป่วยในช่วงให้นมบุตร เพราะตัวยาอาจผ่านไปสู่เด็กได้ทางนมแต่ปริมาณไม่มากนัก และยังไม่มีข้อมูลที่มากพอเพื่อยืนยันผลข้างเคียงในทารก จึงต้องแจ้งให้แพทย์ทราบหากอยู่ในช่วงให้นมบุตร
  • ผู้ที่มีอาการแพ้ยาฟาวิพิราเวียร์หรือผู้ที่มีภาวะภูมิไวเกิน (Hypersensitivity)
  • ผู้ที่ยังไม่มีอาการหรือผู้ที่ใช้ยาเพื่อป้องกันโรคเท่านั้น
ฟาวิพิราเวียร์

ผลข้างเคียงและอาการแพ้ยา Favipiravir

ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นหลังจากรับประทานฟาวิพิราเวียร์ อาจมีผลต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาวชนิดนิวโตรฟิลลดลง และอาจมีอาการท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียนเกิดขึ้น นอกจากนี้ Favipiravir ทำให้กรดยูริกเพิ่มขึ้นตับจึงทำงานหนักขึ้น

การใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ในสตรีมีครรภ์หรือคาดว่าตั้งครรภ์ อาจจะต้องระวังเป็นพิเศษเนื่องจากอาจส่งผลให้เกิดภาวะความพิการแต่กำเนิดของทารก (Teratogenic effect) ได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *