ขับรถทางไกล

ขับรถทางไกล ที่ใช้เวลาค่อนข้างนาน และยิ่งเป็นทางตรงยาว ๆ นอกจากจะต้องเตรียมเพลงไปเปิดฟังระหว่างทางแล้ว หลายคนก็ติดนิสัยขับรถไปกินไปช่วยแก้ง่วงด้วย ทว่าอาหารแก้ง่วงตอนขับรถต้องเลือกดี ๆ ค่ะ เพราะมีอาหารบางชนิดที่ยิ่งกินยิ่งง่วง จนอาจเสี่ยงต่อการขับรถหลับในได้ ทางกลับกัน หลายคนตอนขับรถทางไกลต่อเนื่อง ก็ไม่กินข้าว ขี้เกียจแวะ เสียเวลา รีบ ลากยาวไปเรื่อยๆ บางคนรอให้ถึงปลายทางค่อยกิน ไม่ดีเช่นกันร่างกายต้องการพลังงาน แต่เราไม่มีแหล่งพลังงานอาหาร มันจะร่วงโรยทำให้เรี่ยวแรงถดถอย สติสตังพลังในการควบคุมรถต่ำลง เผลอๆ โรคกระเพาะจะถามหาเอา เดี๋ยวนี้ระหว่างทางก็มีร้านอาหารเยอะแยะไป แต่บางคนก็กินยากไม่รู้อร่อย กลัวไม่ถูกปากถูกใจ ถ้าเห็นร้านดูสะอาดๆ หน่อย ไม่ได้ดูสกปรกหรือแย่มาก ถึงเวลาหิวก็กินอย่าเลือกมากเกินเหตุ มาลองดูกันว่ามีอาหารกินเล่นตอนขับรถแบบไหนที่ควรเลี่ยงให้ไกลบ้าง

7 อาหารที่ควรเลี่ยงเมื่อ ขับรถทางไกล

ขับรถทางไกล

อาหารประเภทแป้ง คาร์โบไฮเดรตสูง

ขับรถทางไกล

อาหารประเภทแป้งขาว ไม่ว่าจะเป็นข้าวขาว ข้าวเหนียว หรือของกินเล่นอย่างขนมปัง คุกกี้ เค้ก อาหารประเภทนี้เป็นคาร์โบไฮเดรตชนิดเร่งด่วนที่ตับอ่อนต้องหลั่งอินซูลินออกมามากจนทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นและเกิดอาการง่วงซึม นอกจากนี้การที่น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นก็ยังทำให้ร่างกายต้องนำวิตามินบี 1 บี 2 และวิตามินบี 3 มาช่วยสังเคราะห์กลูโคสเพื่อเปลี่ยนน้ำตาลเป็นพลังงาน ส่งผลให้วิตามินในร่างกายลดลง และก่อให้เกิดอาการอ่อนล้า ฉุนเฉียว หงุดหงิดง่าย ฉะนั้นพยายามเลี่ยงอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตขัดขาวดีกว่าถ้าต้องขับรถทางไกลยาว ๆ แล้วมากินคาร์โบไฮเดรตไม่ขัดสีพวกข้าวกล้อง โฮลเกรน โฮลวีต แทน

เครื่องดื่มรสหวาน และของหวาน

ขับรถทางไกล

แม้น้ำหวาน หรือของหวานจะช่วยให้รู้สึกสดชื่น แต่ของกินเหล่านี้มีน้ำตาลในปริมาณสูงมากนะคะ และยังจัดเป็นอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตสูงที่กินเข้าไปแล้วชวนง่วง ดึงวิตามินแห่งความสดชื่น (วิตามินบี 1 บี 2 และวิตามินบี 3) ออกจากร่างกาย ดังนั้นพยายามดื่มน้ำเปล่าและเลี่ยงอาหารหวาน ๆ ไว้ก่อน

น้ำอัดลม โซดา

ขับรถทางไกล

น้ำอัดลมที่หลายคนดื่มแล้วบอกว่าชื่นใจ แต่ความรู้สึกชื่นใจที่ว่าก็อาจแค่ชั่วประเดี๋ยวตอนที่ดื่มใหม่ ๆ พอดื่มไปสักพักจะรู้สึกง่วงซึม และยังอาจรู้สึกไม่สบายท้อง ไม่สบายตัวร่วมด้วยได้ เนื่องจากน้ำอัดลมหรือเครื่องดื่มผสมโซดาเป็นเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง และยังอัดแก๊สที่อาจก่ออาการท้องอืด ท้องเฟ้อมาด้วย

เนื้อสัตว์ย่อยยาก

ขับรถทางไกล

เนื้อสัตว์อย่างเนื้อวัว เนื้อหมูติดมัน เป็นอาหารย่อยยากที่ร่างกายต้องใช้เวลาในการย่อยนานกว่าอาหารประเภทอื่น ทำให้สูญเสียพลังงานมากขึ้น และอาหารที่ย่อยยากยังเสี่ยงจะถูกดูดซึมในลำไส้เล็กได้ไม่หมด ตกค้างอยู่ในลำไส้ใหญ่ ก่อให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร นำมาซึ่งอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ชวนให้รู้สึกเพลีย ๆ อยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นพยายามอย่ากินอาหารย่อยยากเหล่านี้ก่อนหรือระหว่างขับรถทางไกล ไม่งั้นคงขับไปรู้สึกกระสับกระส่าย ไม่สบายตัวไปแน่ ๆ

ธัญพืชและผักที่มีแก๊สเยอะ

ขับรถทางไกล

เช่น กะหล่ำปลีดิบ บรอกโคลี หน่อไม้ฝรั่ง หอมใหญ่ มันฝรั่ง ดอกกะหล่ำ ถั่วเปลือกแข็ง โดยเฉพาะถั่วผสมเกลือ อาหารเหล่านี้มีแก๊สเยอะ กินเข้าไปมาก ๆ ก็อาจเกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และง่วงนอนได้

เครื่องดื่มชูกำลัง

ชูกำลัง

เครื่องดื่มชูกำลังที่หลงคิดกันว่าจะช่วยให้รู้สึกกระปี้กระเปร่า ไม่ง่วง แท้จริงแล้วอาจส่งผลตรงกันข้ามก็ได้ เพราะเครื่องดื่มชูกำลังอาจกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัวจนละเลยการพักผ่อน ไม่รู้สึกอยากพักรถระหว่างทาง ก่อให้เกิดอาการอ่อนล้าสะสม มีอาการมึนงง หัวใจเต้นเร็ว หายใจถี่ และเสี่ยงความดันโลหิตสูง

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

แอลกอฮอล์

แน่นอนว่าถ้าต้องขับก็ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และของมึนเมาทุกชนิด เพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้สติสัมปะชัญญะลดลง การตัดสินใจช้าลง และอาจเพิ่มความเสี่ยงอุบัติเหตุในระหว่างขับรถได้

และถ้าไม่อยากง่วง หรือรู้สึกไม่สบายตัวระหว่างเดินทาง ก็พยายามเลือกกินอาหารกันหน่อย อย่างอาหารที่ช่วยแก้ง่วงตอนขับรถเหล่านี้ก็ได้

3 อาหารที่ควรกินระหว่างขับรถทางไกล

ขับรถทางไกล

ผลไม้

ผลไม้

เช่น ส้ม สับปะรด มะม่วงดิบ หรือฝรั่ง ที่ให้ความรู้สึกสดชื่น และมีวิตามินซีที่ช่วยต้านความเหนื่อยล้า ลดความตึงเครียดระหว่างขับรถทางไกล หรือเลือกกินแอปเปิล กล้วย ที่ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด เพิ่มพลังงานให้ร่างกาย ลดอาการอ่อนล้า ง่วงงุนระหว่างขับรถได้

น้ำเปล่า

น้ำเปล่า

น้ำเปล่าคือดีที่สุดไม่ว่าจะช่วงเวลาไหน เพราะนอกจากน้ำจะให้ความรู้สึกสดชื่นแล้ว ยังช่วยเพิ่มระดับออกซิเจนในเลือดของร่างกาย ทำให้รู้สึกตื่นตัว ไม่อ่อนล้า

น้ำผลไม้

น้ำผลไม้

หากอยากได้น้ำหวานระหว่างขับรถแนะนำเป็นน้ำผลไม้สด ไม่เติมน้ำเชื่อมหรือน้ำตาล และหากเป็นน้ำผลไม้รสเปรี้ยวนิด ๆ ด้วยจะยิ่งช่วยให้รู้สึกสดชื่น ร่างกายตื่นตัวจากวิตามินต่าง ๆ ในน้ำผลไม้

ทั้งนี้ ก่อนขับรถทางไกลทุกครั้ง ผู้ขับควรพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง เตรียมผ้าเย็นเวลาง่วงและสวมแว่นตากันแดดขณะขับรถ ที่สำคัญควรตรวจสภาพของรถยนต์ให้พร้อมใช้งานปรับการนั่งขับรถให้ถูกต้อง โดยเลื่อนเบาะที่นั่งให้อยู่ในระดับเหมาะสมกับตนเอง หลังพิงพนักพอดี ไม่นั่งห่างหรือชิดพวงมาลัยมากเกินไปเพราะจะทำให้หลังโค้ง พิงพนักไม่ได้ หรือพิงได้แต่เวลาขับต้องเหยียดแขนและเข่ามากขึ้น เป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการปวดหลัง ซึ่งหาก ปวดหลังเป็นเวลานานและไม่มีการดูแลอย่างถูกวิธี อาจทำให้เสี่ยงปวดหลังถาวรได้ ส่วนผู้ที่ขับรถทางไกลก็ควรหยุด พักทุก 2 ชั่วโมง ยืดเหยียดร่างกาย เพื่อลดความเมื่อยล้า ก่อนเดินทางต่อไป

อาจจะดูเป็นเรื่องง่ายๆ ที่คิดว่าใครๆ ก็รู้กัน แต่เราเตือนสติตนเองเสมอ ไม่ให้ไปเสียสุขภาพ หรือเกิดอุบัติเหตุระหว่างเดินทางได้ เสียเงิน เสียเวลา เสียอารมณ์ ไม่สนุก ทรมานอีก ดังนั้น เราควรจะเลือกกินให้เหมาะสม จะทำให้การเดินทางราบรื่น เพลิดเพลิน ไปถึงที่หมายอยากปลอดภัย ได้ท่องเที่ยวอย่างสนุกสนาน ด้วยความรักและห่วงใยจาก Talktips

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *