โรคไต

“กินเค็มระวังเป็น โรคไต ” ประโยคนี้หลายคนมักใช้เตือนคนที่ชอบรับประทานอาหารรสเค็ม แต่โรคไตไม่ได้เข้าโจมตีแต่ผู้ที่ทานรสเค็มเพียงอย่างเดียวเสียแล้ว เพราะโรคนี้สามารถเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ที่มาจากการใช้ชีวิตประจำวันของเราเองซึ่งส่งผลให้เราเป็นโรคร้ายนี้ได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นเรามาทำความรู้จักโรคนี้กันให้มากขึ้นดีกว่า

ทำความรู้จักโรคไต

อย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าไตมีหน้าที่กำจัดของเสีย ควบคุมความเป็นกรด-ด่างในกระแสเลือด ควบคุมความสมดุลของเกลือแร่ และควบคุมปริมาณน้ำในร่างกายอีกด้วย ดังนั้นเมื่อไตทำงานผิดปกติ หรือทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จะทำให้เกิดภาวะเลือดจางและขาดวิตามินได้ โดยโรคร้ายนี้มีอยู่หลายชนิด และที่พบได้บ่อย ได้แก่ กรวยไตอักเสบ ไตอักเสบ นิ่วในไต ไตเรื้อรัง และไตวาย

โรคไต ชื่อคุ้นหูแต่สาเหตุไม่คุ้นตา

โรคนี้อาจมีความเข้าใจผิด ๆ ว่าเลี่ยงทานเค็มเท่ากับเลี่ยงโรคไต ทั้งนี้ในความเป็นจริงแล้วยังมีสาเหตุต่าง ๆ อีกมากมาย โดยสาเหตุของการเกิดโรคนี้ ได้แก่

โซเดียมสูงเสี่ยงไต

โซเดียม คือเกลือแร่ชนิดหนึ่งที่มีเป็นสารอาหารที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย แต่หากรับประทานเข้าไปในปริมาณมากอาจจะทำให้เป็นสาเหตุของการเกิดโรคไต เพราะปริมาณโซเดียมที่มากจะทำให้ไตไม่สามารถขับโซเดียมออกไปได้จนเกิดการสะสมไว้ในเลือด เมื่อมีโซเดียมมากไตก็จะยิ่งทำงานหนักผลที่ตามมาคือ ในหน่วยไตจะเกิดความดันสูงขึ้นจนเกิดการรั่วของโปรตีนในปัสสาวะและนำพาไปสู่ภาวะไตเสื่อมในที่สุด พูดมาถึงจุดนี้หลายคนอาจจะพยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่มีโซเดียมสูงจำพวกน้ำปลา และเกลือ แต่ในความเป็นจริงแล้วโซเดียมยังอยู่ในอาหารอีกหลายรูปแบบ ได้แก่

โรคไต คืออะไร?

โรคไต

โรคไต หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Kidney Diseases คือกลุ่มโรคและอาการที่เกิดจากภาวะไตเสื่อมหรือทำงานได้น้อยลง ส่งผลให้มีความผิดปกติในการกำจัดสารพิษหรือของเสียต่างๆ ออกจากร่างกาย รวมถึงการหลั่งฮอร์โมนหรือการควบคุมน้ำและแร่ธาตุเพื่อรักษาสมดุล

การเสื่อมของไตอาจเกิดจากโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ไปจนถึงโรคเรื้อรัง (Chronic Diseases) อื่นๆ ในขณะที่การเป็นโรคไตก็นำไปสู่การเกิดปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย เช่น โรคกระดูกพรุน เส้นประสาทเสียหาย และภาวะทุพโภชนาการ (Malnutrition)

หากอาการของโรคไตรุนแรงขึ้น ก็อาจจะทำให้ไตเสื่อมจนเกิดภาวะไตวาย และต้องมีการฟอกไตแทนการทำหน้าที่ของไต ซึ่งการฟอกไต (Dialysis) ก็คือกระบวนการกรองและกำจัดของเสียที่อยู่ในเลือดออกไปโดยใช้เครื่องฟอกไต มักจะใช้ในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้าย และแม้ว่าการฟอกไตจะไม่ช่วยรักษาโรคไต แต่ก็ช่วยยืดอายุของผู้ป่วยและรักษาระบบอื่นๆ ของร่างกายเอาไว้ได้

รู้ไหมว่าไตสำคัญ และไม่ได้มีหน้าที่แค่กรองของเสีย

ก่อนจะรู้จักโรคเกี่ยวกับความผิดปกติของไต มาทำความเข้าใจกันก่อนว่าไตสำคัญกับร่างกายของมนุษย์ขนาดไหน

ในช่วงเวลาที่ผู้ป่วยอยู่ในภาวะวิกฤติ ไตถือเป็นอวัยวะหลักที่แพทย์จะพยายามรักษาเอาไว้ให้ได้ เพราะหากไตของเราเสื่อมลง ก็จะส่งผลให้อวัยวะอื่นๆ ทำงานผิดปกติไปตามๆ กัน เพราะฉะนั้น การที่เราจะมีสุขภาพดีได้ก็ต้องรักษาไตให้มีสุขภาพดีด้วย

โรคไต มีอะไรบ้าง?

โรคและอาการผิดปกติของไตนั้นมีมากกว่า 10 ชนิด แต่โรคที่พบได้บ่อยๆ ได้แก่

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคไต

อาการของ โรคไต

เนื่องจากไตเป็นอวัยวะที่ไม่สามารถซ่อมแซมตัวเองให้กลับมาสมบูรณ์ได้ การเกิดความผิดปกติกับไตจึงเป็นเรื่องอันตราย โดยในช่วงแรกผู้ป่วยโรคไตแทบจะไม่มีสัญญาณของโรคร้ายนี้เลย แต่อาการจะปรากฏออกมาในระยะท้าย ๆ ที่ไตได้รับความเสียหายไปมากแล้ว จนในระดับสูงสุดอาจเกิดอาการไตวาย และเสียชีวิตได้ อาการของผู้ป่วยโรคไตที่ปรากฏมีดังนี้

อาการที่บ่งบอกว่าถึงเวลาต้องไปพบแพทย์

ในระยะแรกๆ ผู้ป่วยที่ไม่เคยมีประวัติเจ็บป่วยด้วยโรคความผิดปกติของไตมาก่อน อาจจะยังไม่ทราบว่าตนเองเป็นโรคไตหรือไม่ เพราะไม่มีอาการแสดงออกที่ชัดเจน แต่หากอยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น มีคนในครอบครัวเป็นโรคไต หรือมีพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่อาจทำให้เกิดโรคได้ ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอเพื่อจะได้พบความผิดปกติของไตเร็วขึ้น

แต่หากผู้ป่วยเป็นโรคเรื้อรังอื่นๆ อยู่ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง หรือโรคเกาต์ แพทย์ประจำตัวผู้ป่วยมักจะให้ตรวจหาภาวะแทรกซ้อนทางไตร่วมด้วยอยู่แล้ว แต่หากมีอาการผิดปกติอื่นๆ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที

การวินิจฉัย โรคไต

โรคไต

แพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยว่าเราอยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงโรคไตสูงหรือไม่ด้วยการตรวจสอบว่าไตของเรายังทำงานได้ปกติอยู่หรือเปล่า ซึ่งการทดสอบที่มักใช้บ่อยๆ มีดังนี้

การรักษาโรคไต

                – การฟอดเลือด เพื่อทำให้เลือดสะอาดโดยใช้ระยะเวลา 4-5 ชั่วโมง 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์

                – การฟอกไตผ่านทางช่องท้อง อาศัยช่องท้องในการฟอกเลือด โดยจะฟอกวันละ 4 รอบ

                – การปลูกถ่ายไต โดยการนำไตจากผู้บริจาคใส่เชิงกรานของผู้รับไต

การจัดการโภชนาการอาหารในแต่ละวันเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพื่อร่างกายที่แข็งแรง ปราศจากโรคภัยมาเบียดเบียน และสิ่งที่สำคัญไม่แพ้การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ คือการตรวจสุขภาพไตอย่างสม่ำเสมอเพื่อรู้เท่าทันโรคไตที่อาจเกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัวนั่นเอง

การป้องกันโรคไต

  1. ผู้ที่มีความเสี่ยง คือผู้ที่มีคนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคไต ผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ผู้ที่ได้รับสารพิษหรือยาที่ทำลายไตควรเข้ารับการตรวจคัดกรองไตอย่างน้อยปีละครั้ง
  2. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง อาหารรสจัดเพื่อช่วยไม่ให้ไตทำงานหนัก โดยการเปลี่ยนวิธีจากการทอดเป็นต้มหรือนึ่งแทน และลดปริมาณเกลือ น้ำตาลในอาหารลง
  3. งดสูบบุหรี่และงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อให้ไตทำงานน้อยลง  
  4. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ คุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  5. ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6 – 8 แก้ว
  6. หลีกเลี่ยงการทานยาบางกลุ่ม เช่น สเตียรอยด์ ยาแก้อักเสบ ยาชุด ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ และควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนทานทุกครั้ง

อาหารที่ผู้ป่วยโรคไตควรรับประทาน

ดูแลสุขภาพไตให้แข็งแรงโดยเน้นการรับประทานอาหารเหล่านี้

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับผู้ป่วยโรคไต

สำหรับผู้ป่วยโรคไต นอกจากการหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเค็มแล้ว ควรหลีกเลี่ยงอาหารดังนี้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *