เบาหวาน

เบาหวาน ถือว่าเป็นความผิดปกติของร่างกาย ในการนำน้ำตาลไปใช้ เพราะฉะนั้นคนไข้จะมีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงกว่าคนปกติ สาเหตุนี้เกิดจากมีภาวะดื้อกับฮอร์โมนอินซูลิน ร่วมกับมีภาวะการหลั่งฮอร์โมนอินซูลินจากตับอ่อนลดลง ซึ่งไม่เกี่ยวกับการรับประทานน้ำตาลมากหรือน้อย แต่เกี่ยวกับการรับประทานไปแล้วร่างกายไม่สามารถจัดการกับน้ำตาลได้

โรคเบาหวานมีอยู่ 4 ชนิด ประมาณ 95% ของผู้ป่วยเบาหวานทั้งหมด เป็นเบาหวาน ชนิดที่ 2 จากสาเหตุข้างต้น คือ เกิดจากมีภาวะดื้อกับฮอร์โมนอินซูลิน ร่วมกับมีภาวะการหลั่งฮอร์โมนอินซูลินจากตับอ่อนลดลง อาการก็คือ พอคนไข้มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงมากๆ ไตจะเก็บน้ำตาลได้ไม่เกิน 180 มิลลิกรัม/เดซิลิตร คนไข้ก็จะปัสสาวะบ่อย พอปัสสาวะบ่อยมากก็จะเสียน้ำ หิวน้ำบ่อย และคนไข้ที่รับประทานอาหารเยอะ เมื่อรับประทานอาหารเข้าไปก็ไม่สามารถนำเอาน้ำตาล หรือพลังงานไปใช้ได้ น้ำหนักก็จะลด อาการหลักๆ ของโรคเบาหวาน ก็มีหิวน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อย รับประทานอาหารเยอะ น้ำหนักลด และอาจจะติดเชื้อราบางที่ได้ง่ายๆ

ส่วนอีก 3 ชนิด ที่เป็นสาเหตุของโรคเบาหวาน คือ ชนิดที่ 1 เบาหวานตั้งแต่กำเนิด ชนิดที่ 3 เบาหวานที่มีลักษณะจำเพาะ เช่น เป็นเนื้องอกของตับอ่อนแล้วต้องผ่าตัดตับอ่อนออกไป แล้วทำให้ขาดฮอร์โมนอินซูลินทำให้เป็นเบาหวาน ชนิดที่ 4 เบาหวานขณะตั้งครรภ์

ใครบ้างเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน

รู้เท่าทัน เบาหวานแฝง เพื่อป้องกันอย่างถูกวิธี

ภาวะเบาหวานแฝงก็เสี่ยงที่จะเกิดเบาหวานจริงได้สำหรับคุณผู้หญิง ถ้ามีประวัติครอบครัวว่าเคยเป็นถุงน้ำรังไข่ หรือว่าเป็นซีสต์เยอะ ในรังไข่และมีประวัติเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์หรือว่าคลอดบุตรน้ำหนักของบุตร เกิน 4,000 กรัม หลังการคลอดบุตรจะมีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานมากกว่าคนที่ไม่เคยเป็น และอีก 3 กลุ่มที่มีความเสี่ยงที่ควรได้รับการตรวจโรคเบาหวาน คือ

นอกจากความเสี่ยงทั้งหมดแล้ว สำหรับบางคนที่คิดว่าตัวเองไม่เป็นหรือว่าป่วยเป็นโรคอื่นแต่จริงๆแล้วมารับการตรวจกลับพบว่าเป็นโรคเบาหวานก็จะเจอได้เรื่อยๆ เพราะว่าได้รับการตรวจจากคุณหมอแผนกอื่น เช่น คนไข้มาด้วยเรื่องตามัว พอมาตรวจกับคุณหมอตาก็พบว่ามีเบาหวานขึ้นตาแล้ว เพราะว่าคนไข้ไม่ค่อยได้ตรวจสุขภาพ พอตรวจพบเบาหวานขึ้นตาคุณหมอตาก็จะมีการตรวจเลือดให้ครบ เมื่อพบว่าเป็นเบาหวานก็จะส่งมาปรึกษากับคุณหมอเบาหวานต่อไป

ระดับน้ำตาลเท่าไร? ถึงเป็นโรคเบาหวาน

การวินิจฉัยและการตรวจโรคเบาหวาน ดูจากปริมาณน้ำตาลในเลือด ดูภาวะแทรกซ้อน และดูโรคที่เกิดร่วมด้วย ในการวินิจฉัยเราจะแนะนำคนไข้ว่าควรตรวจสุขภาพปีละ 1 ครั้ง ก่อนตรวจต้องงดอาหารทุกอย่างเป็นเวลาอย่างน้อย 8 ชั่วโมง ดื่มน้ำเปล่าได้อย่าดื่มน้ำที่มีพลังงาน แล้วมาตรวจน้ำตาลตอนเช้า คนปกติก่อนรับประทานอาหารต้องมีน้ำตาลในเลือดต่ำกว่า100 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ถ้าตรวจพบน้ำตาลในเลือดตั้งแต่ 126 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ขึ้นไป และตรวจพบ 2 ครั้งภายใน 1 สัปดาห์ ก็สามารถวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานได้

แนวทางการรักษา

จะต้องดูคนไข้เป็นองค์รวม อันดับแรกเราจะคิดว่ามาพบแพทย์แล้วรับประทานยาอย่างเดียว จริงๆ แล้วการรักษาโรคเบาหวานที่ถูกต้อง เราจะเน้นการรักษาแบบสหสาขาวิชาชีพ คือ นอกจากจะมาพบแพทย์ก็ยังมีนักกายภาพบำบัดมีการตรวจเท้า มีการสอนการออกกำลังกาย มีการพบนักกำหนดอาหารหรือนักโภชนากร เพื่อแนะนำอาหารว่ามีการรับประทานอาหารที่ถูกต้องดีพอหรือไม่ ต้องปรับตรงไหนบ้าง พบเภสัชกรแนะนำยาที่ถูกต้อง จะมีผลข้างเคียงอะไรบ้างและต้องแก้ไขอย่างไร แต่สำหรับบางท่านที่จะต้องพบแพทย์หลายสาขา เพราะโรคเบาหวานจะพบว่ามีโรคร่วมบ่อยมาก อาทิ โรคความดันโลหิตสูง โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ โรคไขมันในเลือดสูง

นอกจากนี้ ถ้าคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดี หรือว่าวินิจฉัยช้าหรือเป็นมานานแล้ว ก็จะเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนกับอวัยวะสำคัญอย่างตาและไตได้ คนไข้ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยเสียชีวิตกันเพราะโรคเบาหวาน แต่จะเสียชีวิตเพราะภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานตามสถิติการเสียชีวิตส่วนใหญ่ เกินครึ่งเป็นจากเรื่องของเส้นเลือดหัวใจมากกว่าฉะนั้นต้องรักษาอย่างถูกวิธี เพราะน้ำตาลที่สูงทำให้เส้นเลือดอักเสบแล้วตีบ จึงเสี่ยงต่อการเกิดเส้นเลือดหัวใจตีบเส้นเลือดสมองตีบค่อนข้างมากถ้าคุมได้ไม่ดี

การปฏิบัติตัวของผู้ป่วยเบาหวาน

ตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพราะว่าถ้าตรวจเจอตั้งแต่แรก ไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวานหรือโรคอื่นๆ ส่วนใหญ่จะให้การรักษาได้ดีกว่าที่จะมารักษาตอนเกิดภาวะแทรกซ้อนแล้ว ส่วนการวินิจฉัยโรคเบาหวาน ถ้าเป็นครั้งแรกจะค่อนข้างตกใจ ตื่นเต้น และกลัว จริงๆแล้วเป็นโรคที่เจอบ่อยในคนไทย หากดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้อง ภาวะแทรกซ้อนที่กล่าวมา ทั้งหมดจะมีโอกาสเกิดน้อย

ผู้ป่วย “เบาหวาน” กับ 8 อันตรายจากอาหารหน้าร้อน

เบาหวาน

การรับประทานของเย็นๆ หวานๆ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่มักจะใช้ดับร้อนในช่วงที่ฤดูร้อนมาเยือน เช่นไอศกรีม น้ำหวาน น้ำอัดลม สมูทตี้ ขนมหวาน ผลไม้แช่เย็น และเครื่องดื่มแช่เย็นประเภทอื่นๆ แต่เมื่อทานมากเกิดไปจะสามารถทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงและน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นได้ เพราะน้ำตาลและไขมันที่ค่อนข้างสูงโดยเฉพาะผู้ป่วยเบาหวานยิ่งต้องระวังเป็นพิเศษ 

นักกำหนดอาหาร ศูนย์เบาหวาน ไทรอยด์ และต่อมไร้ท่อ รพ. กรุงเทพ ให้ข้อมูลว่า ในหน้าร้อนผู้ป่วยเบาหวานควรระวังเรื่องอาหารหรือเครื่องดื่มเป็นพิเศษ ดังนี้

  1. เครื่องดื่มเย็นๆ เช่น สมูทตี้ น้ำผลไม้ ไม่ควรเติมน้ำเชื่อมหรือน้ำตาลในปริมาณที่มากเกินไป และควรดื่มในปริมาณที่น้อย 
  2. เมนูของหวานหรือขนมหวานใส่น้ำแข็งรับประทาน ไม่ควรเติมน้ำเชื่อมหรือกะทิมากเกินไป น้ำอัดลมควรเลือกสูตรที่ไม่มีน้ำตาล 
  3. เลือกรับประทานผลไม้สดแช่เย็นแทนการดื่มน้ำผลไม้กล่องหรือน้ำผลไม้คั้นสด และไม่ควรทานในปริมาณที่มากเกินไป หรือไม่ควรทานแทนข้าวในมื้ออาหารนั้นๆ ปริมาณที่แนะนำต่อมื้อไม่เกิน 10-15 ชิ้นคำสำหรับผู้เป็นเบาหวาน 
  4. เลือกผักผลไม้ที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบมาก เช่น แตงโม สับปะรด แคนตาลูป ชมพู่ แก้วมังกร เป็นต้น 
  5. เลี่ยงผลไม้ที่มีรสหวานจัดหรือผลไม้จิ้มพริกเกลือน้ำตาล 
  6. ควรดื่มน้ำเปล่า 1-2 แก้วก่อนออกจากบ้าน หากอยู่ในสภาพอากาศร้อนดื่มน้ำให้ได้วันละ 1 ลิตร หรืออย่างน้อย 6-8 แก้ว เพราะหน้าร้อนร่างกายจะเสียงเหงื่อมาก 
  7. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์หรือยุ่งเกี่ยวกับสารเสพติดทุกชนิด และไม่ควรทำให้ตัวเองเกิดความเครียดหรือวิตกกังวล ควรทำจิตใจให้ร่าเริงเบิกบาน
  8. รักษาความสะอาดและถูกหลักอนามัย กินร้อน ช้อนกลาง และล้างมือทุกครั้ง

นอกจากจะต้องระวังเรื่องอาหารแล้ว ควรระวังเชื้อโรคที่ปนเปื้อนมากับอาหารเครื่องดื่มด้วย เพราะอาจทำให้เกิดอาหารเป็นพิษและอาการท้องร่วงได้ โดยอาหารที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคในหน้าร้อน เช่น อาหารประเภทกะทิ อาหารประเภทยำ ขนมจีน อาหารทะเล อาหารค้างคืน อาหารที่มีแมลงวันตอม นำดื่มและน้ำแข็งที่ไม่สะอาด 

ในส่วนของเมนูอาหารที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคระบบทางเดินอาหาร ได้แก่ ส้มตำ สลัดผัก ซาชิมิ ลาบ ก้อยดิบ ยำหอยแครง ยำปูม้าดิบ ข้าวผัดโรยเนื้อปู ขนมที่มีกะทิ เอแคลร์ ปิ้งย่าง หมูกระทะ เป็นต้น เลี่ยงอาหารที่มีรสจัด หวานจัด เค็มจัด เผ็ดจัด 

นอกจากนี้และไม่ควรออกไปอยู่ข้างนอกหากมีอากาศที่ร้อนจัด เพื่อเป็นการควบคุมอุณหภูมิของอินซูลินด้วย เพราะอินซูลินควรอยู่ในอุณหภูมิห้อง ไม่ควรวางอยู่ในที่ที่มีอากาศร้อนมากจนเกินไป

หากทำตามคำแนะนำดังกล่าว ผู้ป่วยก็จะสามารถควบคุมเบาหวาน ความดัน และโรคระบบทางเดินอาหารในหน้าร้อนนี้ได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *