คงไม่มีใครไม่เคยได้ยินชื่อ โกโก้ Cocoa หรือ ช็อกโกแลต ที่เป็นของหวานสุดโปรดของใครหลาย ๆ คน แต่จะมีใครรู้บ้างว่า แหล่งกำเนิดของโกโก้นั้นมาจากไหน และนอกจากความอร่อยแล้ว การรับประทานโกโก้มีประโยชน์ หรือโทษต่อร่างกายอย่างไรบ้าง
โกโก้ (Cocoa) คืออะไร?
โกโก้เป็นเมล็ดของพืชชนิดหนึ่งที่นิยมนำมาผลิตช็อกโกแลต ภายในโกโก้มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ซึ่งอาจนำมาใช้รักษา หรือป้องกันโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง ไขมันจากเมล็ดโกโก้อาจนำมาใช้ป้องกันผิวหนังจากริ้วรอย และรอยแตกลายได้ ทั้งนี้แม้ว่าโกโก้จะเต็มไปด้วยคุณประโยชน์สารพัด แต่ผู้บริโภคก็ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดตามมาได้อีกด้วย
โกโก้ (Cocoa) และ ช็อกโกแลต (Chocolate) มีที่มาเดียวกัน คือมาจากเมล็ดโกโก้ เพียงแต่โกโก้ผ่านกระบวนการแปรรูป และรีดไขมันออกจนเหลือเพียง 0-25% การบริโภคโกโก้ สามารถทานได้ทั้งแบบผงสำหรับโรยหน้าขนม หรือใช้เป็นส่วนผสมในของหวาน และชงเป็นเครื่องดื่ม ซึ่งโกโก้นั้น นอกจากสามารถทานเพื่อความอร่อยแล้ว ยังมีประโยชน์อีกมากมาย หากกินให้พอเหมาะ และถูกวิธีด้วย
แหล่งกำเนิดของ โกโก้
แหล่งกำเนิดโกโก้นั้น มาจากต้นโกโก้ (Cocoa tree) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า “Theobroma cacao” ซึ่งเป็นพืชพื้นเมืองของอเมริกาใต้ ต้นโกโก้สามารถปลูกได้ทั่วไปในเขตร้อน รวมถึงทางภาคใต้ของไทย ซึ่งมีความชื้นสูง และฝนตกชุก มีอยู่ 3 สายพันธุ์ ได้แก่ Forastero, Criollo และ Trinitario
ส่วนของต้นโกโก้ที่นำมาสกัดเป็นโกโก้ให้เรารับประทานนั้น คือ เมล็ดซึ่งอยู่ในผลโกโก้ โดยเมล็ดจะต้องถูกนำไปหมักให้มีกลิ่นหอม แล้วนำไปตากแห้งเพื่อให้ความชื้นลดลง จากนั้นจะถูกนำไปคั่ว จนได้สิ่งที่เรียกว่า “คาเคา นิบส์ (Cocoa nib)” ซึ่งเป็นเมล็ดสีน้ำตาลเข้ม มีกลิ่นหอม รสชาติขมเป็นเอกลักษณ์
ประโยชน์ของโกโก้
เชื่อกันว่าการบริโภคโกโก้ อาจมีประโยชน์ในหลายด้าน เนื่องจากโกโก้ประกอบไปด้วยแคลอรี่ ไขมัน, โปรตีน, คาร์โบไฮเดรต, ใยอาหาร และแร่ธาตุชนิดต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการเจิญเติบโตของร่างกาย เช่น โพแทสเซียม, ฟอสฟอรัส, ทองแดง, เหล็ก, สังกะสี, แมงกานีส เป็นต้น รวมไปถึงสารอีกหลายชนิด เช่น สารต้านอนุมูลอิสระฟลาโวนอยด์, สารอีพิคาเทชิน, สารคาเทชิน, สารโพรไซยานิดีน เป็นต้น สารสำคัญต่าง ๆ ในโกโก้ย่อมส่งผลดีต่อร่างกายไม่มากก็น้อย ดังนี้
- ช่วยเสริมสร้างหัวใจให้แข็งแรง สารฟลาโวนอยด์ในโกโก้ช่วยควบคุมระดับความดันโลหิต และกระตุ้นการไหลเวียนเลือด รวมทั้งลดระดับคลอเลสเตอรอลที่ส่งผลต่อการทำงานของหัวใจด้วย
- มีสารต้านอนุมูลอิสระ โกโก้อุดมไปด้วยโพลีฟีนอล (Pholyphenols) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการอักเสบ ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี ลดความดันโลหิต และยังช่วยควบคุมคอเลสเตอรอล และน้ำตาลในเส้นเลือด แต่กระบวนการในการแปรรูปเป็นช็อคโกแลตหรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ก็อาจจะทำให้โพลีฟีนอล (Pholyphenols) ลดลงได้นะ อย่างที่ยำไปว่าควรเลือกกินโกโก้ 100%
- ช่วยคลายเครียด ในโกโก้มีกรดอะมิโนทริปโตฟาน ที่ช่วยกระตุ้นให้สมองหลังสารเซโรโทนิน ที่เป็นสารแห่งความสุข ช่วยลดความเครียด ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
- ช่วยทำให้ผิวสวย โกโก้มีสารโพลีฟีนอลที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ทำให้เซลล์ในร่างกายชะลอการเสื่อมสภาพ ช่วยลดการเกิดริ้วรอย ทำให้ผิวดูสวย แก่ช้าลง
- บำรุงสมอง ฟลาโวนอยด์ในโกโก้ ช่วยการทำงานของระบบประสาท และสมอง เช่น ความจำ ความคิด การตัดสินใจ การรับรู้ และสามารถป้องกันโรคอัลไซเมอร์ในผู้สูงอายุได้ด้วย
- ช่วยให้กระปรี้กระเปร่า โกโก้มีสารทีโอโบรมาย และ ฟีนีลอะลานีน ที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของหัวใจ ขยายหลอดเลือด และยังมีสารอื่นๆ ที่ช่วยเพิ่มระดับเอนโดรฟินและเซโรโทนิน ทำให้มีความสุข และกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น
- เร่งการเผาผลาญ สำหรับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนักไม่ต้องกังวล เพราะในโกโก้มี สารโพลีฟีนอล ช่วยเรื่องการไหลเวียนเลือด เร่งการเผาผลาญในร่างกาย
คุณค่าทางโภชนาการ
ผงโกโก้ 100 กรัม ให้พลังงาน 228 กิโลแคลอรี่ ประกอบไปด้วย
- โปรตีน : 19.60 กรัม
- ไขมัน : 13.70 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต : 57.90 กรัม
- ไฟเบอร์ : 37 กรัม
- น้ำตาล : 1.75 กรัม
การรับประทาน โกโก้ ให้ได้ประโยชน์
- กินผงโกโก้วันละ 1 ช้อนโต๊ะ จะช่วยเสริมสร้างให้หัวใจแข็งแรง โดยอาจโรยหน้าขนม หรือชงเป็นเครื่องดื่มก็ได้
- ควรกินโกโก้ที่เป็นโกโก้แท้ 100% และไม่ควรใส่ส่วนผสมอย่างนม หรือน้ำตาล เพิ่มเข้าไป
- หากอยากผิวสวย ให้ดื่ม หรือกินโกโก้ติดต่อกันเป็นเวลา 12 สัปดาห์
ข้อควรระวังในการรับประทาน โกโก้
- การกินโกโก้แบบเพิ่มนม และน้ำตาล จะทำให้ระดับน้ำตาล และไขมันในเลือดสูงขึ้น ส่งผลให้เป็นโรคอ้วน โรคเบาหวาน และโรคหลอดเลือดหัวใจ
- โกโก้มีสารทีโอโบรมายสูง มีฤทธิ์คล้ายคาเฟอีนอ่อนๆ ถ้ากินเข้าไปปริมาณมากอาจทำให้ใจสั่น และนอนไม่หลับได้
หากคำนึงถึงสุขภาพเป็นหลัก ควรเลือกรับประทานโกโก้ในรูปแบบดาร์กช็อกโกแลต ซึ่งมีปริมาณเนื้อโกโก้สูง และมีไขมันจากนมกับน้ำตาลต่ำ แม้รสชาติจะขมไปบ้าง แต่ก็ดีต่อสุขภาพมากกว่าช็อกโกแลตนม และไวท์ช็อกโกแลตอย่างแน่นอน