จุดเริ่มต้นของเทศกาลดนตรี Coachella ปะทุขึ้นในงานคอนเสิร์ตของวงร็อกอเมริกันรุ่นใหญ่อย่าง Pearl Jam ที่จัดขึ้น ณ เอ็มไพร์โปโลคลับ ในปี 1993 คอนเสิร์ตครั้งนั้นถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก ซึ่งจุดประกายความคิดให้แก่ พอล ทอลเล็ตต์ และ ริก แวน แซนเทน สองผู้ก่อตั้งเทศกาลดนตรี โคเชลลา ขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อเดือนตุลาคม ปี 1999

โคเชลลา เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังผ่านเวลาไปเพียง 5 ปี มันก็กลายเป็นเทศกาลดนตรีที่มีคนเข้าร่วมเป็นหลักแสน จนกระทั่งเวลาผ่านมาถึงปี 2011 ก็เริ่มมีการใช้ระบบไลฟ์สตรีมถ่ายทอดสดผ่านเว็บไซต์วิดีโอออนไลน์ชื่อดังอย่าง YouTube

ในปี 2017 หลังกวาดรายได้ไปมหาศาล 114 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 3.6 พันล้านบาท และนั่นทำให้ โคเชลลา ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในเทศกาลดนตรีที่ยิ่งใหญ่และประสบความสำเร็จมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา (หรืออาจเรียกว่าที่สุดในโลก! ก็ไม่ผิด)

เรากำลังพูดถึง Coachella Valley Music And Arts Festival หรือที่ใครหลายคนเรียกกันติดปากว่า ‘Coachella’ หนึ่งในเทศกาลแสดงดนตรีและศิลปะที่มีชื่อเสียงโด่งดังและประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก

ความสำเร็จเหล่านี้ก็พอจะบอกเราได้ว่า โคเชลลา นั้นเป็นเทศกาลดนตรีที่ประสบความสำเร็จมากขนาดไหน แต่ว่ามันมีเหตุผลอะไรบ้างล่ะ ที่ทำให้คนอยากไป โคเชลลา?

อย่างแรกเลยคือ ทัพของศิลปินในแต่ละปีที่จะมาเสิร์ฟความสุขให้กับทุกคนในงาน โดย โคเชลลา นั้นถือเป็นอีกหนึ่งเทศกาลดนตรีที่มีไลน์อัพค่อนข้างโดดเด่นและมีความหลากหลายมากๆ แถมตัวศิลปินที่จะมาขึ้นโชว์ในฐานะเฮดไลเนอร์ของเทศกาลในแต่ละปีก็ต่างเป็นศิลปินระดับแม่เหล็กแทบทั้งนั้น แต่อย่างไรก็ตาม เรารู้สึกว่าสิ่งหนึ่งที่ทาง โคเชลลา ค่อนข้างให้ความสำคัญมากที่สุดก็คือ เรื่องของความ ‘หลากหลาย’ เพราะหากลองสังเกตดีๆ ไม่ว่าจะเป็นศิลปินแนวร็อก, ป๊อป, แรป, ฮิปฮอป, อิเล็กทรอนิกส์ หรือไม่ว่าจะเป็นศิลปินแนวไหนก็ตาม ต่างได้รับโอกาสให้ขึ้นโชว์ที่เทศกาลแห่งนี้ด้วยกันทั้งนั้น

จุดเริ่มต้นของเทศกาลดนตรี โคเชลลา ต้องย้อนกลับไปไกลถึงปี 1993 ในงานคอนเสิร์ตของวงร็อกอเมริกันรุ่นใหญ่อย่าง Pearl Jam ที่จัดขึ้น ณ เอ็มไพร์โปโลคลับ คอนเสิร์ตครั้งนั้นถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก บวกกับความกว้างใหญ่ของพื้นที่ตรงนั้น และบรรยากาศที่เหมาะแก่การจัดงานเทศกาลดนตรี

สิ่งเหล่านี้เลยไปจุดประกายความคิดให้แก่ พอล ทอลเล็ตต์ และ ริก แวน แซนเทน กระทั่งทั้งสองร่วมกันก่อตั้งเทศกาลดนตรี โคเชลลาขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคม ปี 1999 ซึ่งตั๋วสำหรับใช้เข้างานมีราคาเพียง 50 เหรียญสหรัฐเท่านั้น

ปัจจุบัน โคเชลลา Valley Music And Arts Festival ได้เปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นเทศกาลดนตรีเชิงพาณิชย์อย่างเต็มตัวเป็นที่เรียบร้อย เพราะมีการทำการตลาดแบบรอบด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดึงเอา 4 สาว วง BLACKPINK ที่กำลังโด่งดังเป็นพลุแตกในระดับนานาชาติ และมีแฟนคลับอยู่ทั่วทุกมุมโลก เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลที่กำลังจะครบรอบ 20 ปีในปีนี้ นั่นก็แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการขยายขอบเขตงาน เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ และยังเป็นเหมือนการต่อยอดความสำเร็จ เพื่อเพิ่มผลกำไร ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากในเชิงการบริหารธุรกิจสำหรับตัวผู้จัดงาน

นอกจากนั้นยังมีเรื่องของจำนวนเม็ดเงินมหาศาลที่ตัวเทศกาลได้รับมาในช่วงหลายปีหลัง โดยเฉพาะปี 2017 ที่กวาดรายได้ไปมหาศาล 114 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 3.6 พันล้านบาท

สิ่งเหล่านี้พิสูจน์และแสดงให้เราเห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า ในปัจจุบันเทศกาลดนตรี Coachella ได้กลายเป็น ‘แลนด์มาร์ก’ สำคัญอีกแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกา ที่สร้างรายได้อย่างมหาศาล และดูเหมือนว่าความสำเร็จของมันจะเพิ่มพูนขึ้นในทุกๆ ปีอีกด้วย

ด้วยพื้นที่เปิดโล่งขนาดใหญ่ ทำให้เหล่าผู้คนหลั่งไหล มายังคอนเสิร์ตนี้ถึงหกหลักในแต่ละปี เงินสะพัดในงานหลักร้อยล้านดอลลาร์ เวทีนี้จึงไม่ใช่เวทีนอกสายตา สำหรับศิลปินเท่าไหร่นัก ไม่ว่าจะเป็นเบอร์เล็กเบอร์ใหญ่ เวทีนี้ก็เปิดโอกาสให้ศิลปินทุกแนวอยู่เสมอ เลยทำให้ Line Up ของงาน ออกมาตื่นตาตื่นใจ รวมเอาตัวจี๊ดจากหลากหลายแนว มาเย้ายวนชวนให้ไปเยือนในทุกปี ทำให้คนดูสามารถซื้อตั๋วครั้งเดียว แล้วได้ดูศิลปินเบอร์ใหญ่มากมาย เบอร์เล็กอีกนับไม่ถ้วนได้แบบจุใจ ซึ่งคุ้มค่ามากกว่าการไปคอนเสิร์ตเดี่ยวเป็นอย่างมาก สิ่งนี้ถือเป็นอีกข้อสำคัญที่ทำให้ Coachella ขายได้ทุกปีไม่มีฟอร์มตก แค่เอาจำนวนวงมาหารค่าตั๋ว ก็คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม

เมื่อเดินเข้าไปในงาน เราจะได้พบเจอกับเวทีหลายๆ แห่งประกอบกัน เพื่อกระจายจำนวนคนดู รวมถึงศิลปินที่ขึ้นแสดง ท่ามกลางบรรยากาศของ แคลิฟอร์เนีย รายล้อมด้วยต้นปาล์ม ฟังดนตรีไป ชมงานศิลปะที่เป็นส่วนหนึ่ง ของงานนี้ไปด้วย บรรยากาศที่เป็นเหมือน ชุมชนคนรักดนตรีขนาดย่อม จึงดึงเอาเหล่าเซเลป ทั้งหลายมาเดินเฉิดฉาย อยู่ในงานนี้ แต่มาในฐานะของผู้ชมเช่นเดียวกับเราๆ แน่นอนว่ามีดาราแล้วก็ต้องนำมาซึ่ง เหล่าปาปารัซซี่ที่คอยเก็บภาพ เซเลบในงาน ก็ยิ่งเป็นพื้นที่ที่เหล่าเซเลบ ไม่ควรพลาดเข้าไปใหญ่ นอกจากจะได้พบศิลปินบนเวทีแล้ว เหล่าแฟนเพลงยังได้กระทบไหล่เซเลบด้วยเช่นกัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *