คอลลาเจน คืออะไร?
คอลลาเจน ( Collagen ) คือเส้นใยโปรตีนชนิดหนึ่งที่ทำหน้าที่คล้ายกาวเกาะยึด ส่วนต่างๆ ในร่างกาย เป็นองค์ประกอบหลักของผิวหนัง ขน เส้นผม กระดูกอ่อน ข้อต่อ หลอดเลือด กล้ามเนื้อ รวมถึงเนื้อเยื่อส่วนต่างๆ ทั่วร่างกาย ซึ่งร่างกายมนุษย์ทุกคน สามารถสร้างขึ้นเองได้ตามธรรมชาติ ซึ่งปกติคอลลาเจนที่ร่างกายได้รับ มักมาจากการทาน โปรตีนจากเนื้อสัตว์ ปลา พืช หรือผลิตภัณฑ์จากนม เข้าไปย่อยสลายจนแตกตัวและก่อตัวขึ้นใหม่ กลายเป็นเส้นใยโปรตีนหรือคอลลาเจนซึ่งทําหน้าที่เพิ่มความแข็งแรง และเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่อวัยวะต่างๆ ภายในร่างกาย คอยช่วยให้ผิวหนังมีความชุ่มชื้น ยืดหยุ่น คงความกระชับ เต่งตึง เรียบเนียน และช่วยปกป้องความแข็งแรงให้กับกระดูกอ่อน โดยร่างกายจะสามารถผลิตคอลลาเจนได้มาก ในขณะที่เรามีอายุน้อย และจะลดปริมาณการผลิตคอลลาเจนลง เมื่ออายุมากขึ้น โดยเฉพาะคนที่มีอายุมากกว่า 30 ปี ขึ้นไปพบว่าการสังเคราะห์คอลลาเจนจะลดลง หรือในผู้ที่มีปัจจัยบางอย่าง ทำให้คอลลาเจนเสื่อมสภาพ หรือถูกทำลายได้ง่าย
ชนิดคอลลาเจน 4 ชนิดที่สามารถพบได้บ่อยในร่างกาย
- คอลลาเจนชนิดที่ 1 (Collagen Type I) เป็นชนิดที่พบได้มากที่สุดในร่างกาย ช่วยในการเสริมความยืดหยุ่น การสมานแผล สามารถพบได้ในผิวหนัง เส้นผม กระดูก เนื้อเยื่อ และผนังหลอดเลือด
- collagen ชนิดที่ 2 (Collagen Type II) เป็นชนิดที่มีความยืดหยุ่น มากกว่าชนิดที่ 1 พบมากในกระดูก กระดูกอ่อน และข้อต่อ มีหน้าที่ช่วยในการสร้างกระดูกอ่อน
- ชนิดที่ 3 (Collagen Type III) เป็นชนิดที่มักจะพบในผิวหนัง กล้ามเนื้อ และหลอดเลือด
- ชนิดที่ 5 (Collagen Type V) สามารถพบได้ในบริเวณเดียวกันกับชนิดที่ 1 หรือใต้ชั้นผิวหนัง และในเนื้อเยื่อของทารก ในระหว่างตั้งครรภ์
ประโยชน์ของคอลลาเจน
หลายคนคงเกิดความสงสัยว่า ถ้ากินคอลลาเจนไปแล้วจ ะมีผลดีอย่างไร ซึ่งมีหลายงานวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับคอลลาเจน แสดงให้เห็นว่าคอลลาเจน มีประโยชน์ ดังนี้
- ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น ความชุ่มชื้น ความฟู และลดความหยาบกร้านของผิว
- ช่วยทำให้ริ้วรอย ที่เห็นได้ชัดดูจางลง
- ลดการเปราะแตกของเล็บ
- ช่วยชะลอการสลาย ของมวลกระดูก เมื่อกินคู่กับแคลเซียมและวิตามิน ดี
- ช่วยเรื่องสุขภาพ ของข้อต่อในกลุ่มผู้สูงอายุ เช่น ลดอาการปวดข้อต่อ เป็นต้น
อายุกับการเสื่อม
เมื่ออายุ 30-39 ปี ผิวจะเริ่มมีรอยย่นบางๆ ทอดยาวบริเวณหน้าผาก มีริ้วรอยเล็กๆ ใต้ขอบตาล่าง และหางตาจะเห็นชัดเวลายิ้ม และมีรอยย่นตรงระหว่างคิ้ว ซึ่งจะเห็นชัดเวลาหน้านิ่ว มีริ้วรอยบางๆ ที่ร่องแก้มจากจมูก จนถึงเหนือริมฝีปากอาจเกิดไฝ กระ ฝ้าทั้งแบบลึกและตื้น ขนาดของรูขุมขนจะเห็นชัดขึ้น
คนที่ อายุ 40-49 ปี รอยย่นบริเวณหน้าผาก ระหว่างคิ้ว ใต้ขอบตาล่าง และหางตา เห็นชัดเจนมากขึ้น รอยย่นข้างแก้ม และร่องแก้มลึกทอดยาว ไปจนจดมุมปาก มีฝ้าชนิดลึกมากขึ้นสภาพผิวเริ่มแห้ง มีรูขุมขนใหญ่ และเริ่มจะเป็นสิวอีกครั้ง มีติ่งเนื้อขึ้นกระจัดกระจาย เป็นตุ่มเล็กๆ สีน้ำตาลภาวะนี้เรียกว่า วัยเริ่มตกกระ
อายุ 50-64 ปี ผิวจะมีสภาพเหมือนกับวัย 40-49 ปี แต่จะมีรอยย่น ตามร่องแก้มลึกทอดยาวไปจนถึงบริเวณใต้มุมปาก มีฝ้าเกิดขึ้น และติ่งเนื้อมีขนาดใหญ่ขึ้น เพราะคอลลาเจน จะเริ่มเสื่อมลงอย่างมาก
อายุ 65 ปี ขึ้นไป ผิวหนังหยาบกร้าน มีริ้วรอยทั่วหน้าริมฝีปาก บ้างมีรอยย่นเหนือริมฝีปากส่วนการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ คล้ายกับวัย 50-64 ปี ดังนั้น จึงถือว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติ ที่ต้องเกิดขึ้นกับทุกคนโดย ที่เราไม่สามารถหยุดยั้งได้ แต่เราสามารถช่วยชะลอความเสื่อมของผิวพรรณ และรักษาผิวไว้ให้ดูดี ให้นานที่สุดได้เช่นเดียวกัน โดยการใช้สารสกัดโปรตีนคอลลาเจน เพื่อทดแทนคอลลาเจนที่สูญเสียไป
จะเห็นได้ว่า คอลลาเจนมีบทบาทสำคัญ ในการเป็นสารตั้งต้นของส่วนต่างๆ ในร่างกายของเรา โดยทั่วไป แล้วร่างกายสามารถ สร้างคอลลาเจนขึ้นเองได้ แต่เมื่อเราอายุมากขึ้น อัตราการสังเคราะห์ คอลลาเจนของเรากลับลดลง การมองหาตัวช่วยเสริมปริมาณ คอลลาเจนจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่จะช่วยให้ผิวพรรณของเรา เต่งตึงไม่เหี่ยวย่น รวมถึงลดการเสื่อมของไขข้อเมื่อเราอายุมากขึ้น