พระราชวังเว้

พระราชวังเว้ นั้นเคยเป็นเมืองหลวงของประเทศเวียดนามอยู่ราว 400 ปี เป็นที่ตั้งของ พระราชวังเว้ ซึ่งรูปแบบสถาปัตยกรรมนั้นได้รับอิทธิพลจากจีน เพราะถูกปกครองโดยจีนมานานนับพันปี ออกแบบให้มีกำแพงล้อมรอบถึง 3 ชั้น โดยชั้นในสุดคือ ตือกามแทงห์ หรือนครต้องห้ามของจักรพรรดิ ที่ถูกสงวนไว้เฉพาะจักรพรรดิและเชื้อพระวงศ์เท่านั้น

การที่ได้เที่ยวฮานอยอย่างเต็มอิ่มเต็มที่แล้วจนหมดที่จะให้เที่ยว หรือแม้แต่การขึ้นไปเที่ยวที่ตอนเหนือของประเทศเวียดนามแล้วก็ตาม จึงทำให้ดิฉันอยากที่จะเที่ยวจังหวัดอื่นของเวียดนามด้วยเช่นกัน ทั้งเพื่อนและดิฉันจึงได้ตัดสินใจการเดินทางในครั้งนี้ที่จังหวัด ดานัง ที่เที่ยวในความฝันของใครหลาย ๆ คน

ในการเที่ยวครั้งนี้ก็ไม่ได้วางแผนอะไรมากมายเช่นเคยค่ะ เพียงแค่เมื่อถึงที่ก็ออกเดินรอบเมือง สัมผัสกับความเป็นอยู่ของแต่ละท้องถิ่นที่ดูอาจจะแตกต่างกันออกไป แต่การเที่ยวดานังในวันแรกของพวกเราไม่ได้มีอะไรมากแต่กลับมีความสนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเวียดนามและพระมหาจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ จึงได้สนใจที่จะไปเยี่ยมชมพระราชวังเว้ มรดกโลก ที่อยู่ห่างออกไปจากตัวเมืองดานังประมาณ 2 ชั่วโมง (ความพยายามสูงที่จะไปให้ได้ งงกับตัวเองนิด ๆ ค่ะ) ซึ่งไม่ไกลมากสำหรับพวกเรา ทางเราได้ให้ทางโรงแรมเรียกแท็กซี่ให้ในราคาไปกลับ 125 ดอลลาร์

พระราชวังเว้ Complex of Hue Monuments

พระราชวังเว้

พระราชวังเว้ Complex of Hue Monuments เป็นพระราชวังเก่าแก่ของจักรพรรดิในราชวงศ์เหงียน ในช่วงปีพ.ศ. 2345 – 2491 (146 ปี) และได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกตั้งแต่ปีพ.ศ. 2536

ประวัติการตั้งราชวงศ์เหงียนในประเทศเวียดนามนั้น สืบเนื่องมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2321 ซึ่งตรงกับปลายยุคกรุงศรีอยุธยาและต้นกรุงรัตนโกสินทร์ของไทย ที่เวียดนามเกิดกบฏไตเซิน แย่งชิงราชบัลลังก์กัน ครั้งนั้นพระโอรสองค์ที่ 4 ของกษัตริย์พระนามว่า เหงียน ฟุก อั๊ญ หรือที่ไทยรู้จักกันในนามองค์เชียงสือ ได้เสด็จลี้ภัยมาอยู่ในไทยถึง 4 ปี หลบเข้ามาขอลี้ภัยอยู่ในประเทศไทยนานถึง 4 ปี ก่อนที่จะได้รับความช่วยเหลือจากฝรั่งเศสเพื่อกลับไปชิงราชบัลลังก์คืนในปี พ.ศ.2345 ซึ่งนับเป็นปีแรกของราชวงศ์เหงียน แต่การนับพระราชวังเมืองเว้จะแบ่งเป็น 2 ยุค
พระราชวังเว้ที่นักท่องเที่ยวเห็นในปัจจุบันนั้น เป็นยุคหลังเพราะของเดิมบนเนื้อที่ 5 ไร่มีความเสียหายจากการโจมตีจากกองทัพฝรั่งเศสสมัยล่าอาณานิคม ที่เห็นว่าสถาปัตยกรรมของที่นี่มีความคล้ายกับสถาปัตยกรรมของจีนก็เนื่องมาจากทางรัฐบาลฝรั่งเศสให้สร้างใหม่โดยจำลองแบบมาจากวังกู้กงหรือพระราชวังต้องห้ามในกรุงปักกิ่งนั่นเอง

ที่นี่มีพื้นที่กว้างขวางถึง 5.2 ตารางกิโลเมตร รายรอบเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ล้อมด้วยคูน้ำขนาดใหญ่ 4 ด้าน และมีกำแพงอิฐล้อมรอบ 3 ชั้น จากลักษณะการก่อสร้างนี้ทำให้มีชื่อว่า Imperial Citadel ป้อมปราการจักรพรรดิ

ด้วยประวัติศาสตร์ชาติอันเนิ่นนานและสถาปัตยกรรมงดงามที่ยังคงเหลืออยู่ทำให้ที่นี่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางมาชื่นชม มีความวิจิตรในรายละเอียดที่ผู้นิยมจะโคลสอัพเพื่อเห็นความงดงามประณีตของอาคาร

พระราชวังเว้

ตัวอาคารบริเวณรอบ ๆ มีแนวทางเดินใต้อาคารทำให้สะดวก พื้นที่ตรงกลางสร้างเป็นสวนหย่อม สนามหญ้าและไม้ประดับต้นเตี้ยที่ตัดแต่งสวย ดอกไม้ เป็นจุดให้ถ่ายภาพเป็นที่ระลึก

จุดไฮไลต์ 2 จุดคือ บริเวณท้องพระโรงที่มีสีแดงสด ด้วยสีสัน ช่องประตู และลวดลายศิลปะจีน ทำให้มุมนี้ ถ่ายภาพได้สวยและแตกต่างตามสายตาช่างภาพ อีกจุดก็คือ บริเวณพระตำหนักไท่ฮัว หรือไทฮวา (Thai Hoa Palace) ที่ข้างหน้าเป็นลานโล่ง เป็นสถานที่ที่ในสมัยโบราณเป็นตำแหน่งเข้าเฝ้าจักรพรรดิของเหล่าจอหงวน  บริเวณทางเข้าเป็นเสาหลักเป็นเหมือนประตูชัยแต่เป็นแนวจีนเข้าไป

และสุดท้ายที่นักท่องเที่ยวนิยมคือ หอบูชาขุนนาง เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าโบราณสมัยนั้น แล้วถ่ายภาพเป็นที่ระลึก

พระราชวังเป็นพระราชฐานที่ปกติคนทั่วไปจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้า-ออกได้ตามสะดวก เมื่อมีการเปลี่ยนมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นพระราชวังของประเทศใดก็มักจะได้รับความสนใจในการเข้าชมเสมอ ถ้ามีโอกาสได้ไปเวียดนาม อย่าลืมบรรจุพระราชวังแห่งนี้ไว้ในทริปด้วย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *