ผักออร์แกนิก แม้จะเคยได้ยินมาหลายต่อหลายครั้ง แต่เชื่อว่าก็ยังมีหลายคนอาจไม่เข้าใจในความหมายคำเรียกผักประเภทนี้ได้อย่างชัดเจน บางคนเข้าใจว่าผักออร์แกนิกคือผักปลอดสารพิษ บางคนบอกว่ามันก็คือผักไฮโตรโปรนิกส์ วันนี้เราจึงหาข้อมูลของผักออร์แกนิกมาให้ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง และเพื่อการบริโภคที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด
ผักออร์แกนิก คือผักที่มีความเป็นธรรมชาติสุดๆ
ถ้าจะพูดให้เข้าใจได้ไม่ยากผักออร์แกนิกคือผักประเภทที่มีความเป็นธรรมชาติสูงมาก เพราะในการเพาะปลูกผักในกลุ่มนี้จะไม่มีการใช้สารเคมีใดๆ แต่จะปลูกโดยดัดแปลงสภาพการเพาะปลูกเลียนแบบธรรมชาติ เช่น ปุ๋ยในดิน การบำรุงดิน อากาศ ความชื้น น้ำ ฯลฯ เพื่อให้พืชผักเจริญเติบโตได้ด้วยวิธีแบบธรรมชาติโดยอาหารจากธรรมชาติ
การเลียนแบบธรรมชาติที่ว่านี้ หมายถึงการให้พืชผักค่อยๆ เติบโตขึ้นโดยมีระยะเวลาการเติบโตตามธรรมชาติของพืชผักชนิดนั้นๆ การเพาะปลูกผักออร์แกนิกจึงมีการลงทุนที่สูงและใช้เวลาในการเพาะปลูกนาน รวมถึงมีการใช้วิธีสร้างสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการดูแลโรคและแมลงในแบบไม่ทำร้ายธรรมชาติ จึงจะเห็นได้ว่าในบางแห่งอาจกางมุ้งปลูกผักหรือดูแลใกล้ชิดในโรงเรือนแบบปิด โดยมีหัวใจสำคัญคือการห้ามไม่ให้ใช้สารเคมีใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าสารนั้นจะไม่เป็นอันตรายต่อพืชและสัตว์ก็ตาม จะใช้ได้แต่เพียงอินทรีย์ที่มาจากธรรมชาติเท่านั้น จึงจะเรียกว่าเป็น “ผักออร์แกนิก” ขนานแท้
องค์ประกอบพื้นฐานของการเพาะปลูกผักออร์แกนิก ได้แก่
- ผักออร์แกนิกจะไม่มีการใช้สารเคมีหรือสารสังเคราะห์ใดๆ เลยในการปลูกและการเพาะเลี้ยง จะโตด้วยอาหารจากธรรมชาติล้วนๆ ปลูกในดินบ้านๆ ที่ปลอดสารเคมี ใช้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกจากธรรมชาติในการเพาะปลูกและเมล็ดที่ใช้ไม่มีการตกแต่งพันธุกรรม
- ดินที่ใช้ปลูกผักออร์แกนิกต้องทำให้ปลอดสารพิษไม่น้อยกว่า 3 ปี หรือต้องเป็นแปลงที่ไม่มีการใช้สารเคมีมาแล้ว 5 ปีและมีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุและสารอาหาร สามารถอุ้มน้ำและระบายน้ำได้ดี มีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์อยู่ในดินมากเพื่อช่วยในการย่อยสลายสารอาหาร และทำให้รากสามารถดูดซึมสารอาหารได้ง่าย
- น้ำที่ใช้ปลูกผักออร์แกนิกจะต้องไม่มาจากแหล่งน้ำลำคลองทั่วไป บางแห่งจะใช้น้ำที่ขุดลึกภายในไร่ที่มีความลึกถึง 150 เมตร หรือน้ำที่อยู่ใต้ดิน
- ปุ๋ยหมักบางแห่งอาจได้มาจากการนำขี้วัวหรือขี้ไก่มาเป็นวัตถุดิบในการทำปุ๋ยหมัก
- ในการเพาะปลูกผักออร์แกนิกบางแห่งจะไม่กำจัดวัชพืชออกไปทั้งหมด เพราะวัชพืชยังมีประโยชน์สำหรับการเกษตรคือมีกากใยบนดินมาก จะทำให้เกิดการระบายน้ำได้ดี ในตอนฝนตกหนัก จึงช่วยรักษาพื้นดินไว้ได้ และวัชพืชยังช่วยในเรื่องการขยายของรากพืชได้อีกด้วย
- ผักออร์แกนิกไม่ก่อให้เกิดมลพิษในกระบวนการผลิต เพราะนอกจากจะมุ่งเน้นให้คนกินมีสุขภาพที่ดีแล้ว จุดประสงค์ที่สำคัญอีกอย่างคือการลดมลพิษให้กับธรรมชาติ เพราะการใช้สารเคมีต่างๆ จะทำให้เกิดสารพิษตกค้างในดิน ในอากาศและในน้ำ
ผักปลอดสารพิษและผักไฮโดรโปนิกส์ ไม่ใช่ผักออร์แกนิก
ผักปลอดสาร คือ ผักที่มีการใช้สารเคมีในระหว่างการเพาะปลูกจนกระทั่งใกล้เก็บเกี่ยว จะมีการเว้นการใช้สารเคมีในช่วงการเก็บเกี่ยว แต่จะมากน้อยขึ้นอยู่กับผู้เพาะปลูกเป็นคนกำหนดเวลา ซึ่งผักที่ว่าอาจเป็นผักปลอดสารในช่วงการเก็บเกี่ยวผลผลิต แต่ไม่ได้ปลอดสารในระหว่างการเพาะปลูก จึงไม่ถือว่าเป็นผักออร์แกนิก
ผักไฮโดรโปนิกส์ คือ ผักที่ไม่ได้ปลูกกับดินแต่ใช้น้ำแทนดิน จึงเป็นผักที่จำเป็นต้องพึ่งสารเคมี ไม่ว่าจะทางใบหรือทางน้ำ เพราะผักไร้ดินจะไม่มีดิน ที่เป็นตัวสะสมธาตุอาหาร แต่เปลี่ยนจากดินเป็นน้ำ ให้เป็นตัวสะสมธาตุอาหารแทน การใส่ปุ๋ยก็จะให้ทางน้ำและปุ๋ยก็ยังคงต้องมีสารเคมี จึงไม่ถือว่าเป็นผักออร์แกนิก เพราะปุ๋ยอินทรีย์บางชนิดจะไม่สามารถผสมลงในน้ำได้
ประโยชน์ของผักออแกนิก
- ทำให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพดี ไม่มีสารพิษตกค้าง และมีความปลอดภัยสูงต่อผู้บริโภค เนื่องจากผักออแกนิกเป็นผักแบบธรรมชาติล้วน ๆ 100% ส่วนประกอบทุกอย่างจึงมีความบริสุทธิ์ ไม่มีสารพิษต่าง ๆ ที่เป็นสารก่อมะเร็ง
- การบริโภคผักออแกนิก ในปริมาณที่เหมาะสมเป็นประจำจะช่วยทำให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดีขึ้น ทำให้ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยได้ง่าย มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
- ช่วยลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งได้ เพราะผักออแกนิกจะมีสารต้านอนุมูลอิสระที่มากกว่าพืชผักทั่วไป ซึ่งเป็นที่ยอมรับแล้วว่ามีส่วนการใช้ต่อต้านมะเร็ง
- ช่วยลดอัตราเสี่ยงเด็กสมองพิการ เด็กซนผิดปกติ และโรคออทิสติก เพราะสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์นั้นมีมากกว่า 100 ชนิด ที่เป็นสาเหตุของโรคดังกล่าว และการรับประทานผักออแกนิกยังเป็นผลดี แก่กับตัวคุณแม่เอง และยังช่วยทำให้น้ำนมของคุณแม่ มีปริมาณของกรดไขมันที่มีคุณค่าทางสารอาหารสูงกว่าปกติ
- ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่ายาฆ่าแมลง ที่ตกค้างอยู่ในผักทั่วไป จะมีผลโดยตรงกับฮอร์โมนเพศ และทำให้เซ็กส์เสื่อมได้ หากคุณไม่อยากเสี่ยง ก็ควรหยุดรับประทานผักที่ใช้สารเคมีอีกเลย
- เมื่อเปรียบเทียบกับผักทั่วไปแล้ว ผักออแกนิกจะมีวิตามิน เกลือแร่ เอนไซม์ และสารอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระที่มีคุณค่ามากกว่าผักทั่วไป (แต่บางข้อมูลระบุว่าปริมาณของวิตามินของพืชผัก ระหว่างการปลูกแบบออแกนิกและการปลูกโดยทั่วไป นั้นไม่มีความแตกต่างกัน (มีเพียงฟอสฟอรัสเท่านั้นที่ผักออแกนิกมีมากกว่าผักทั่วไป) แต่มันก็ยังดีกว่าใช่ไหมละ ที่เราจะไม่ได้รับสารพิษเข้าไปในร่างกายทุกวัน จากการรับประทานผักทั่วไป เพราะ 1 ใน 3 ของผักที่ปลูกตามปกตินั้นตรวจพบยาฆ่าแมลง)
- รสชาติของผักออแกนิกจะดีกว่า ผักที่ปลูกกันทั่วไป ถ้านึกไม่ออกให้ลองนึกถึงผลไม้ในฤดูกาล กับผลไม้นอกฤดูกาลที่ต้องใช้สารเคมี ว่าผลไม้แบบใดมีรสชาติที่ดีกว่า
- นอกจากจะเป็นผักที่ไม่มีสารพิษแล้ว กระบวนการเพาะปลูกต่าง ๆ ยังเป็นการช่วยลดมลพิษไปได้อีกด้วย เพราะการปลูกผักทั่วไป จะทำให้สารเคมีที่ใช้ป้องกัน และกำจัดศัตรูพืชปนเปื้อนในดิน ในน้ำ และในอากาศ
- ช่วยฟื้นฟูสภาพดิน เนื่องจากการเกษตรแบบใช้สารเคมีนั้น เป็นที่ทราบกันดีว่าจะทำให้ดินเสื่อมคุณภาพ และไม่มีคุณสมบัติที่ดีในการเพาะปลูก ทำให้ปลูกอะไรก็ไม่ได้ผลผลิตที่ดีตามต้องการ อีกทั้งผักที่ปลูกก็แทบจะไม่ได้คุณค่าทางสารอาหารที่ครบถ้วนอย่างที่ควรจะเป็น
- ช่วยเพิ่มความหลากหลายทางชีววิทยา เพราะการไม่ใช้สารเคมีหรือยาฆ่าแมลง จะช่วยทำให้มีชีวิตในท้องถิ่นมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ และช่วยเพิ่มความหลากหลายทางชีววิทยาไปเรื่อย ๆ
- ช่วยทำให้เกษตรกรผู้เพาะปลูก มีสุขภาพอนามัยที่ดีขึ้น เนื่องจากไม่มีการใช้สารเคมี ที่เป็นอันตราย ทำให้เกษตรกรปลอดภัยจากสารเคมีเหล่านี้ได้
- ช่วยลดต้นทุนการผลิตในด้านค่าใช้จ่าย ในการซื้อปุ๋ยและสารเคมีต่าง ๆ และช่วยลดปริมาณการนำเข้าของสารเคมีจากต่างประทศ (ในแต่ละปีประเทศไทยมีการสั่งซื้อจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก)
- ผักออแกนิกทำให้เกษตรกรมีรายได้ จากการจำหน่ายผักเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากผลผลิตที่ได้เป็นที่ต้องการของตลาด เพราะเป็นผักที่มีคุณภาพดี และปลอดภัยจากสารพิษ จึงทำให้จำหน่ายได้ในราคาที่สูงขึ้น
ผักที่ขึ้นชื่อว่าเป็น ผักออร์แกนิกไม่ต่างอะไรกับการได้กินผัก ในสมัยก่อนที่การเกษตรยังไม่มีเครื่องมือ อำนวยความสะดวกมากมายเช่นทุกวันนี้ รวมถึงไม่มีตัวช่วยพิเศษ อย่างสารเคมีต่างๆ ความเป็นผักออร์แกนิกคือในยุคนี้ ก็คือการสร้างสภาพแวดล้อม ในการเพาะปลูกรวมถึงการดูแล ให้เหมือนในยุคก่อน แต่เพิ่มเติมคือความรู้ทันโรค และแมลง รู้ถึงปัญหาที่จะต้องเจอ และหาทางป้องกันและดูแลด้วยวิถีธรรมชาตินั่นเอง