โรคมะเร็ง (Cancer) คือภาวะที่เซลล์ในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงในระดับพันธุกรรม ทำให้มีการเจริญเติบโตมากขึ้นอย่างรวดเร็วจนไม่สามารถควบคุมและจำกัดขอบเขตได้ และทำให้มีการแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นในร่างกาย เช่น ปอด ตับ สมอง กระดูก เป็นต้น ความผิดปกติของเซลล์นี้สามารถเกิดได้ทุกอวัยวะ เช่น ปอด ตับ เต้านม เป็นต้น ซึ่งสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็งแต่ละที่ก็มีความแตกต่างกันไป
รู้จัก โรคมะเร็ง
โรคมะเร็ง เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของสารพันธุกรรม (DNA) ในเซลล์ของร่างกาย ซึ่งความผิดปกตินี้ทำให้เกิดการแบ่งตัว เพิ่มจำนวนเซลล์อย่างรวดเร็วอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ส่งผลให้เกิดก้อนเนื้อผิดปกติขึ้น ก้อนเนื้อที่เกิดขึ้นสามารถที่จะลุกลามไปยังบริเวณใกล้เคียงหรือแพร่กระจาย (Metastasis) ไปยังอวัยวะอื่น ๆ ของร่างกายได้ อย่างไรก็ตามมะเร็งบางชนิดไม่ได้ทำให้เกิดก้อนเนื้อ เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว เป็นต้น โดยความผิดปกตินี้สามารถเกิดได้กับเซลล์ตามอวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างกาย โดยจะเรียกชื่อมะเร็งตามอวัยวะนั้น ๆ เช่น มะเร็งปอด มะเร็งสมอง มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งต่อมน้ำเหลือง และมะเร็งผิวหนัง ฯลฯ แต่อย่างไรก็ตามวิธีการรักษามะเร็งจะแตกต่างกันไปตามอวัยวะ ระยะของมะเร็ง และสภาพร่างการของผู้ป่วย
ปัจจัยเสี่ยงก่อ โรคมะเร็ง
ดังที่กล่าวไปข้างต้น มะเร็ง เกิดมาจากความผิดปกติของสารพันธุกรรม ดังนั้นสิ่งที่ส่งผลต่อความผิดปกติของสารพันธุกรรมสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ข้อ
- ความผิดพลาดในขั้นตอนการสร้างสารพันธุกรรมของเซลล์ ซึ่งโดยปกติร่างกายมีระบบที่จะตรวจสอบความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเหล่านี้อยู่แล้ว แต่พบว่าเมื่ออายุมากขึ้น ความสามารถในการตรวจสอบความผิดพลาดเหล่านี้จะด้อยลง จึงเป็นเหตุผลที่เรามักพบมะเร็งในคนที่อายุเยอะมากกว่าในคนที่อายุน้อย
- ปัจจัยจากสิ่งแวดล้อม ที่ทำให้เกิดความเสียหายของสารพันธุกรรมและกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสารพันธุกรรมที่เป็นตัวต้นเหตุของมะเร็ง ปัจจัยจากสิ่งแวดล้อมได้แก่ รังสีอัลตราไวโอเลตจากแสงแดด การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ การบริโภคอาหารที่มีสารอัลฟาทอกซิน พบได้ในถั่วลิสง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ที่ไม่ถูกเก็บรักษาอย่างเหมาะสม
- ปัจจัยภายในร่างกายที่ป่วยโดยโรคบางโรค เช่น การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ตับอักเสบซี เอชพีวี (HPV) เอชไอวี หรือโรคพยาธิใบไม้ในตับ ก็เพิ่มโอกาสในการเป็นมะเร็งในบางอวัยวะ หรือแม้กระทั่งโรงอ้วนก็พบว่าเป็นความเสี่ยงของมะเร็งหลายชนิด นอกจากนี้มะเร็งบางชนิดยังสามารถถ่ายทอดในครอบครัวได้ด้วย
สัญญาณเตือน โรคมะเร็ง
แม้มะเร็งจะเป็นภัยเงียบก็จริง แต่หากหมั่นสังเกตความปกติแม้เพียงเล็กน้อยที่เกิดขึ้นกับร่างกาย เราจะสามารถเห็นสัญญาณเตือนได้ อาทิ
มีการเปลี่ยนแปลงของหูดหรือไฝ ที่มีขนาดที่โตมากขึ้น
มีก้อนหรือตุ่มโตอย่างรวดเร็วที่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
มีแผลที่รักษาแล้วแต่ไม่ยอมหาย
เลือดออกอย่างผิดปกติจากทวารต่าง ๆ (ไม่ได้จำเพาะเจาะจงว่าเป็นแต่โรคมะเร็งเท่านั้น อาจมีโรคอื่น ๆ อยู่ในการวินิจฉัยแยกโรคด้วย)
มีอาการเสียงแหบหรือไอเรื้อรัง
กลืนอาหารลำบากหรือมีอาการเสียดแน่นท้องเป็นเวลานาน
มีการเปลี่ยนแปลงของระบบขับถ่าย อุจจาระและปัสสาวะ
ถ่ายอุจจาระเป็นสีดำหรือปัสสาวะเป็นเลือด
น้ำหนักลด เบื่ออาหาร
อาการข้างต้นเป็นเพียงอาการที่น่าสงสัยของโรคมะเร็ง การจะยืนยันว่าเป็นมะเร็งหรือไม่นั้น จำเป็นต้องมีผลชิ้นเนื้อของส่วนที่ผิดปกติยืนยันอย่างชัดเจนว่าพบเซลล์มะเร็งจริง หลายครั้งที่คนไข้มีอาการเหล่านี้ และกังวลใจอยู่เป็นนาน กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ส่งผลให้สภาพร่างกายและสภาพจิตใจย่ำแย่ไปด้วย แต่เมื่อตรวจยืนยันแล้วพบว่า เป็นโรคอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับมะเร็งโดยสิ้นเชิง ดังนั้นถ้าสงสัยควรไปตรวจให้ชัดเจน อย่าพึ่งกังวลไปก่อน
โรคมะเร็ง รู้ก่อน รักษาได้
แน่นอนว่าก่อนที่เราประสบความสำเร็จในการรักษาโรคมะเร็งตามวลีที่ว่า “โรคมะเร็ง รู้ก่อน รักษาได้” พื้นฐานที่สำคัญที่สุดคือการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ สังเกตอาการของตนเอง ตรวจสุขภาพประจำปี และตรวจคัดกรองมะเร็งตามอายุ ที่สามารถบ่งให้ทราบถึงมาเสี่ยงเบื้องต้น และนำไปสู่การตรวจอย่างละเอียดลงไปในบริเวณหรืออวัยวะที่สงสัยว่าจะเป็นเนื้อร้ายหรือไม่ ซึ่งเมื่อพบว่าป่วยเป็นโรคมะเร็งแล้ว ก็สามารถเริ่มขั้นตอนการรักษาได้ทันที และด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยในปัจจุบันมีส่วนอย่างมากในการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ป่วย และมากกว่านั้นคือ แม้สถิติจำนวนมะเร็งจะเพิ่มขึ้นทุกปีก็จริง แต่จำนวนผู้รอดชีวิตก็เพิ่มขึ้นทุกปีเช่นกัน
โรคมะเร็งที่พบบ่อยในผู้ชาย ได้แก่
- มะเร็งตับ
- มะเร็งปอด
- มะเร็งลำไส้ใหญ่
- มะเร็งต่อมลูกหมาก
- มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
- มะเร็งเม็ดเลือดขาว
- มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
- มะเร็งช่องปาก
- มะเร็งกระเพาะอาหาร
- มะเร็งหลอดอาหาร
โรคมะเร็งที่พบบ่อยในผู้หญิง ได้แก่
- มะเร็งเต้านม
- มะเร็งปากมดลูก
- มะเร็งตับ
- มะเร็งปอด
- มะเร็งลำไส้ใหญ่
- มะเร็งรังไข่
- มะเร็งเม็ดเลือดขาว
- มะเร็งช่องปาก
- มะเร็งต่อมไทรอยด์
- มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
สาเหตุโรคมะเร็ง
ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอนของโรคมะเร็ง แต่เชื่อว่ามีปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคมะเร็งอยู่หลายปัจจัย ดังนี้
1) สาเหตุจากสิ่งแวดล้อมภายนอกร่างกาย
1.1 สารเคมีบางชนิด เช่น
- สารเคมีในควันบุหรี่และเขม่ารถยนต์
- สารพิษจากเชื้อรา
- สารพิษที่เกิดจากเนื้อสัตว์รมควัน ปิ้ง ย่าง ทอดจนไหม้เกรียม
- สีย้อมผ้า
- สารเคมีบางชนิดที่เกิดจากขบวนการทางอุตสาหกรรม
1.2 รังสีต่าง ๆ รวมทั้งรังสีอัลตราไวโอเลตในแสงแดด
1.3 การติดเชื้อเรื้อรัง เช่น
- ไวรัสตับอักเสบชนิดบี มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคมะเร็งตับ
- ฮิวแมน แพพพิโลมา ไวรัส (Human Papilloma Virus หรือ HPV) อาจมีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคมะเร็งของเซลล์เยื่อบุต่าง ๆ เช่น มะเร็งปากมดลูก
- เอบสไตน์ บาร์ ไวรัส (Epstein Barr Virus) มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองหรือมะเร็งโพรงหลังจมูก
- เฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลรัย (Helicobacter Pylori) มีความสัมพันธ์กับมะเร็งกระเพาะอาหาร
1.4 พยาธิ เช่น พยาธิใบไม้ตับ มีความสัมพันธ์กับมะเร็งท่อน้ำดีในตับ
2) สาเหตุภายในร่างกาย
- กรรมพันธ์ุที่ผิดปกติ
- ความไม่สมดุลทางฮอร์โมน
- ภูมิคุ้มกันที่บกพร่อง
- การระคายเคืองที่เกิดซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน
- ภาวะทุพโภชนาการ เป็นต้น
- ความเครียด
อาการน่าสงสัยว่าเป็นมะเร็ง
ไม่มีอาการเฉพาะของโรคมะเร็ง แต่เป็นอาการเช่นเดียวกับการอักเสบของเนื้อเยื่อหรืออวัยวะที่เป็นมะเร็ง โดยที่แตกต่างคือ มักเป็นอาการที่แย่ลงเรื่อย ๆ และเรื้อรัง ดังนั้นเมื่อมีอาการต่าง ๆ นานเกิน 1 – 2 สัปดาห์ จึงควรรีบพบแพทย์ อย่างไรก็ตามอาการที่น่าสงสัยว่าเป็นมะเร็ง ได้แก่
- มีก้อนเนื้อโตเร็วหรือมีแผลเรื้อรัง ไม่หายภายใน 1 – 2 สัปดาห์หลังจากการดูแลตนเองในเบื้องตัน
- มีต่อมน้ำเหลืองโต คลำได้ มักจะแข็ง ไม่เจ็บ และโตขึ้นเรื่อย ๆ
- ไฝ ปาน หูดที่โตเร็วผิดปกติหรือเป็นแผลแตก
- หายใจหรือมีกลิ่นปากรุนแรงจากที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
- เลือดกำเดาออกเรื้อรัง มักออกเพียงข้างเดียว (อาจออกทั้งสองข้างได้)
- ไอเรื้อรังหรือไอเป็นเลือด
- มีเสมหะ น้ำลาย หรือเสลดปนเลือดบ่อย
อาการ โรคมะเร็ง
- อาเจียนเป็นเลือด
- ปัสสาวะเป็นเลือด
- ปัสสาวะบ่อย ขัดลำ ปัสสาวะเล็ด โดยไม่เคยเป็นมาก่อน
- อุจจาระเป็นเลือด มูก หรือเป็นมูกเลือด
- ท้องผูกสลับท้องเสีย โดยไม่เคยเป็นมาก่อน
- มีเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ หรือมีประจำเดือนผิดปกติ หรือมีเลือดออกทางช่องคลอดในวัยหมดประจำเดือน หรือหลังมีเพศสัมพันธ์ทั้งที่ไม่เคยมีมาก่อน
- ท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่น อึดอัดท้อง โดยไม่เคยเป็นมาก่อน
- มีไข้ต่ำ ๆ หาสาเหตุไม่ได้
- มีไข้สูงบ่อย หาสาเหตุไม่ได้
- ผอมลงมากใน 6 เดือน น้ำหนักลดลงจากเดิม 10%
- มีจ้ำห้อเลือดง่ายหรือมีจุดแดงคล้ายไข้เลือดออกตามผิวหนังบ่อย
- ปวดศีรษะรุนแรงเรื้อรัง หรือแขน / ขาอ่อนแรง หรือชักโดยไม่เคยชักมาก่อน
- ปวดหลังเรื้อรังและปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ อาจร่วมกับแขน / ขาอ่อนแรง
วินิจฉัยมะเร็ง
การวินิจฉัยโรคมะเร็งมีหลายวิธี เช่น
- การตรวจร่างกายด้วยตนเองและโดยแพทย์
- การตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น การตรวจเลือด การตรวจปัสสาวะ อุจจาระ และเสมหะ
- การตัดชิ้นเนื้อที่สงสัยส่งตรวจทางพยาธิวิทยา
- การตรวจทางรังสี เช่น การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ การเอกซเรย์เฉพาะอวัยวะ และการตรวจทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์
- การตรวจโดยใช้เครื่องมือพิเศษส่องกล้องโดยตรง เช่น การตรวจลำไส้ใหญ่ ทวารหนัก กระเพาะอาหารและลำคอ เป็นต้น
- การตรวจพิเศษอื่น ๆ
ระยะของมะเร็ง
ระยะโรคมะเร็ง คือ ตัวบอกความรุนแรงของโรค (การลุกลามและแพร่กระจาย) บอกแนวทางการรักษา และแพทย์ใช้ในการศึกษาวิจัยที่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็ง
โดยทั่วไปโรคมะเร็งมี 4 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 – 4 ซึ่งทั้ง 4 ระยะ อาจแบ่งย่อยได้อีกเป็นอีกเป็น เอ (A) บี (B) หรือ ซี (C) หรือ เป็น (1) หรือ (2) เพื่อแพทย์โรคมะเร็งใช้ช่วยประเมินการรักษา ส่วนโรคมะเร็งระยะศูนย์ (0) ยังไม่จัดเป็นโรคมะเร็งอย่างแท้จริง เพราะเซลล์เพียงมีลักษณะเป็นมะเร็ง แต่ยังไม่มีการรุกราน (Invasive) เข้าเนื้อเยื่อข้างเคียง
ระยะ ที่ 1 : ก้อนเนื้อ / แผลมะเร็งมีขนาดเล็ก ยังไม่ลุกลาม
ระยะที่ 2 : ก้อน / แผลมะเร็งขนาดใหญ่ขึ้น เริ่มลุกลามภายในเนื้อเยื่อ/อวัยวะ
ระยะ ที่ 3 : ก้อน / แผลมะเร็งขนาดใหญ่ขึ้น เริ่มลุกลามเข้าเนื้อเยื่อ / อวัยวะข้างเคียง และลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้เนื้อเยื่อ / อวัยวะที่เป็นมะเร็ง
ระยะ ที่ 4 : ก้อน / แผลมะเร็งขนาดโตมาก และ / หรือลุกลามเข้าเนื้อเยื่อ / อวัยวะข้างเคียง จนทะลุ และ / หรือเข้าต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้ก้อนมะเร็ง โดยพบต่อมน้ำเหลืองโตคลำได้ และ / หรือมีหลากหลายต่อม และ / หรือ แพร่กระจายเข้ากระแสโลหิต และ / หรือ หลอดน้ำเหลือง / กระแสน้ำเหลือง ไปยังเนื้อเยื่อ / อวัยวะที่อยู่ไกลออกไป เช่น ปอด ตับ สมอง กระดูก ไขกระดูก ต่อมหมวกไต ต่อมน้ำเหลืองในช่องท้อง ในช่องอก และ / หรือต่อมน้ำเหลืองเหนือกระดูกไหปลาร้า
รักษามะเร็ง
การตรวจพบโรคมะเร็งได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรกย่อมเป็นผลดีต่อการรักษา ซึ่งวิธีการรักษามีดังต่อไปนี้
- การผ่าตัด การเอาก้อนที่เป็นมะเร็งออกไป
- รังสีรักษา การให้รังสีกำลังสูงเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง
- เคมีบำบัด การให้ยา (สารเคมี) เพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง
- ฮอร์โมนบำบัด การใช้ฮอร์โมนเพื่อยุติการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
- การรักษาแบบผสมผสาน การรักษาร่วมกันหลายวิธีดังกล่าวข้างต้น แต่จะใช้วิธีใดนั้นขึ้นอยู่กับระยะและความรุนแรงของโรค
การรักษาโรคมะเร็งอาจเป็นวิธีใดวิธีเดียวหรือหลายวิธีร่วมกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ
- ระยะโรค
- ชนิดของเซลล์มะเร็ง
- เป็นมะเร็งของเนื้อเยื่อ / อวัยวะใด
- ผ่าตัดได้หรือไม่ หลังผ่าตัดยังคงหลงเหลือก้อนมะเร็งหรือไม่
- ผลพยาธิวิทยาชิ้นเนื้อหลังผ่าตัดเป็นอย่างไร
- อายุ
- สุขภาพผู้ป่วย
โรคมะเร็งเป็นโรคที่รักษาหายได้ แต่ทั้งนี้โอกาสรักษาหายขึ้นอยู่กับ
- ระยะโรค
- ชนิดเซลล์มะเร็ง
- ผ่าตัดได้หรือไม่ ถ้าผ่าตัดได้สามารถผ่าตัดก้อนมะเร็งออกได้ทั้งหมดหรือไม่
- มะเร็งเป็นชนิดดื้อต่อรังสีรักษา และ / หรือ ยาเคมีบำบัด และ / หรือ ยารักษาตรงเป้าหรือไม่
- อายุ
- สุขภาพผู้ป่วย
ในภาพรวมโดยประมาณ อัตราอยู่รอดที่ 5 ปี (โอกาสรักษามะเร็งได้หาย) ภายหลังการรักษาโรคมะเร็ง คือ
- โรคระยะ 0 90 – 95 %
- โรคระยะ ที่ 1 70 – 90 %
- โรคระยะที่ 2 70 – 80 %
- โรคระยะ ที่ 3 20 – 60 %
- โรคระยะที่ 4 0 – 15 %
ทางเลือกอื่น (Alternatives)
เนื่องจากโรคมะเร็งส่วนใหญ่ยังไม่ทราบถึงสาเหตุที่แท้จริง แต่มะเร็งบางตำแหน่งสามารถทราบสาเหตุนำหรือสาเหตุร่วม ซึ่งอาจหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้นทุกคนควรจะต้องตรวจ สำรวจร่างกายของตนเองอย่างสม่ำเสมอ หรือถ้าพบอาการผิดปกติก็ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที
ตรวจคัดกรองโรคมะเร็ง
การตรวจคัดกรองโรคมะเร็ง คือ การตรวจให้พบโรคมะเร็งตั้งแต่ระยะยังไม่มีอาการ (มักเป็นมะเร็งในระยะ 0 หรือระยะ 1) ทั้งนี้เพราะโรคมะเร็งในระยะนี้มีโอกาสรักษาได้หายสูงกว่าโรคมะเร็งในระยะอื่น ๆ การตรวจคัดกรองโรคมะเร็งที่มีประสิทธิภาพ คือ การตรวจที่เมื่อพบโรคแล้ว ภายหลังการรักษาผู้ป่วยจะมีอัตรารอดจากมะเร็งสูงขึ้นหรือมีอัตราเสียชีวิตจากโรคมะเร็งลดลงนั่นเอง
ปัจจุบันการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งที่มีประสิทธิภาพ คือ ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านม และมะเร็งลำไส้ใหญ่
ป้องกันโรคมะเร็ง
วิธีป้องกันโรคมะเร็งที่ดีที่สุด คือ หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่หลีกเลี่ยงได้ ซึ่งที่สำคัญ คือ
- กินอาหารมีประโยชน์ครบทั้ง 5 หมู่ทุกวันในปริมาณที่เหมาะสม คือ ไม่ให้อ้วนหรือผอมเกินไป โดยจำกัดเนื้อแดง แป้ง น้ำตาล ไขมัน เกลือ แต่เพิ่มผัก ผลไม้ให้มาก ๆ
- ออกกำลังกายให้เหมาะสมกับสุขภาพสม่ำเสมอ
- เข้ารับการตรวจคัดกรองโรคมะเร็ง / การตรวจสุขภาพประจำปี
- หลีกเลี่ยงสารก่อมะเร็ง
สัญญาณอันตราย 7 ประการ
สัญญาณอันตราย 7 ประการที่ควรรีบมาพบแพทย์ ได้แก่
- มีเลือดหรือสิ่งผิดปกติออกจากร่างกาย เช่น มีตกขาวมากเกินไป
- มีก้อนหรือตุ่มเกิดขึ้นที่ใดที่หนึ่งของร่างกายและก้อนนั้นโตเร็วผิดปกติ
- มีแผลเรื้อรัง
- มีการถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ ผิดปกติหรือเปลี่ยนไปจากเดิม
- เสียงแหบ ไอเรื้อรัง
- กลืนอาหารลำบาก เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
- มีการเปลี่ยนแปลงของหูด ไฝ ปาน เช่น โตผิดปกติ ควรรีบมาพบแพทย์
5 Responses