จากสถานการณ์การติดเชื้อ “โควิด-19″ ในกลุ่มเด็กอายุ 0-5 ปี มีรายงานว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2564 ถึง 17 ก.พ. 2565 ประเทศไทยมีจำนวนเด็กปฐมวัยติดเชื้อสะสม 107,059 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 29 ราย โดยรายกลุ่มย่อยทุก 1 ปี มีจำนวนการติดเชื้ออยู่ในระดับมากกว่า 2 หมื่นราย แต่จะพบสูงกว่าในเด็กเล็กที่อายุน้อยกว่า 2 ปี แสดงให้เห็นว่า กลุ่มเด็กเล็กน้อยกว่า 2 ปี โดยเฉพาะ 0-1 ปี เป็นกลุ่มที่ติดเชื้อง่ายกว่ากลุ่มอื่นๆทั้งนี้ เนื่องจากเด็กไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ อีกทั้งยังไม่มีวัคซีนสำหรับเด็กเล็กมากๆ ซึ่งสาเหตุของการติดเชื้อโควิด-19 ในเด็กปฐมวัย ส่วนใหญ่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อในครอบครัว และด้วยธรรมชาติของเด็กวัยนี้ ไม่สามารถป้องกันโรคด้วยตัวเองได้ดีพอ ส่งผลให้เป็นสาเหตุของการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
ก่อนหน้านี้ มีเรื่องเศร้าที่พูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ หลังคุณแม่ใจสลาย สูญเสียลูกชายหลังมีไข้สูง, อาเจียน เมื่อพาไปโรงพยาบาลตามสิทธิ์กลับพบว่าถูกย้ายโดยไม่แจ้ง ก่อนอาการทรุดแล้วเสียชีวิต โดยแพทย์วินิจฉัยว่าเป็น “ลองโควิด” สร้างความเสียใจให้ครอบครัวเป็นอย่างมาก แต่ต่อมา “กรมควบคุมโรค” ก็ได้ออกมาเผยว่าการเสียชีวิตของเด็กชายวัย 2 ขวบนั้น ไม่ใช่ “ลองโควิด” แต่เป็น “ภาวะมิสซี” ซึ่งประเด็นนี้ได้สร้างความกังวลใจแก่ผู้ปกครองหลายคนเป็นจำนวนมาก
ขณะที่การสำรวจผลกระทบระยะยาวต่อสุขภาพ ของผู้ที่เคยป่วยเป็นโรคโควิด-19 ของกรมการแพทย์ ผ่านทางเว็บไซต์กรมการแพทย์ ซึ่งเป็นข้อมูลในผู้ใหญ่ พบว่าอาการลองโควิดส่วนใหญ่ มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง โดยอาการที่พบบ่อย 10 อันดับแรก มีดังนี้
อาการพบบ่อยในผู้ป่วย “ลองโควิด“
- อ่อนเพลีย
- หายใจลำบาก/หอบเหนื่อย
- ไอ
- นอนไม่หลับ
- ผมร่วง
- เวียนศีรษะ
- วิตกกังวล
- เครียด
- ความจำสั้น
- เจ็บหน้าอก
ส่วนปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะนี้ คุณหมอเผยว่ายังไม่แน่ชัด แต่มีข้อสังเกตที่พบในหลายการศึกษา อาทิ เพศหญิง, อายุมาก, ภาวะอ้วน, มีโรคประจำตัว มีอาการมากกว่า 5 อาการในช่วง 1 สัปดาห์แรกของการเจ็บป่วย และความรุนแรงของโรคมากในระยะแรก เป็นต้น
สำหรับกลุ่มอาการ “มิสซี” เริ่มมีการรายงานครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2563 ที่ประเทศอังกฤษ หลังจากนั้นมีรายงานที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนใหญ่พบในเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิง พบได้ในเด็กทุกกลุ่มอายุ อายุโดยเฉลี่ย 8-10 ปี อุบัติการณ์ประมาณร้อยละ 0.03 ของผู้ป่วยเด็กที่ติดเชื้อโควิดทั้งหมด เด็กมักจะมาด้วยอาการเหล่านี้
อาการภาวะมิสซี (MIS-C)
- มีไข้สูง
- มีผื่น
- ตาแดง
- ปากหรือลิ้นแดง
- มือเท้าบวมแดง
- ต่อมน้ำเหลืองที่คอโต
- ถ่ายเหลว
- อาเจียน
- หอบเหนื่อย
- ภาวะช็อกจากการทำงานของหัวใจที่ผิดปกติ
ขณะที่ผู้ป่วยเด็กมากกว่าร้อยละ 50 จำเป็นต้องรักษาในหอผู้ป่วยเด็กวิกฤติ เนื่องจากภาวะช็อก เนื่องจากมีอันตรายถึงชีวิตได้ อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ประมาณร้อยละ 3 สามารถรักษาด้วยการให้อิมมูโนโกลบูลินและสเตียรอยด์ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักตอบสนองต่อการรักษาดี ในสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี พบผู้ป่วยที่มารักษาด้วยภาวะนี้แต่ยังไม่พบผู้เสียชีวิต ซึ่งยังต้องติดตามการรักษาต่อเนื่องโดยพบว่าร้อยละ 7-14 ยังมีการทำงานของหัวใจที่ผิดปกติ
สุดท้ายนี้ สรุปได้ว่า “ลองโควิด” กับ “มิสซี” แตกต่างกัน ลองโควิดเป็นภาวะที่เกิดขึ้นหลังจากหายป่วยโควิด เป็นอาการที่หลงเหลืออยู่จะทำให้มีอาการอ่อนเพลียพบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ส่วนมิสซีเป็นภาวะอักเสบที่เกิดขึ้นทั่วร่างกาย ตามอวัยวะต่างๆ เช่น ไตอักเสบ เส้นเลือด สมอง และไม่ได้เกิดจากโควิดเพียงอย่างเดียว ซึ่งผู้ปกครองหากพบอาการผิดปกติในลูกหลาน ควรรีบพาพบแพทย์ เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ทันท่วงที ซึ่งจะช่วยชีวิตผู้ป่วยโรคนี้ไว้ได้.