ปราสาทหมีเซิน เคยเป็นนครศักดิ์สิทธิ์ที่มีความสำคัญอันดับต้น ๆ ของอาณาจักรจามปา จัดเป็นกลุ่มโบราณสถานในศาสนาฮินดูที่เก่าแก่และสมบูรณ์ที่สุดในอินโดจีน ประกอบด้วยปราสาททั้งหมด 73 หลัง แต่ในช่วงสงครามเวียดนาม ทหารเวียดนามได้ใช้ปราสาทหมีเซินเป็นกองบัญชาการ โบราณสถานจำนวนมากจึงถูกทำลายไป ทำให้ปัจจุบันเหลือปราสาทเพียง 22 หลัง
ปราสาทหมีเซิน (MY SON SANCTUARY) ประเทศเวียดนาม
ปราสาทหมีเซินเป็นสิ่งก่อสร้างที่หลงเหลือมาจากอาณาจักรจามปาหรือช่วงศตวรรษที่ 4-15 สะท้อนให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมของฮินดูที่เก่าแก่และสมบูรณ์ที่สุดในอินโดจีน ในอดีตปราสาทแห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับบูชาพระศิวะ นอกจากตัวปราสาทแล้วยังมีรูปปั้น วัด และถูกห้อมล้อมไปด้วยป่าดงดิบ ในสมัยก่อนมีสิ่งก่อสร้างโบราณกว่า 70 หลัง แต่ในช่วงสงครามเวียดนามโบราณสถานฮินดูนี้ถูกระเบิดตกใส่ไปหลายแห่ง จนปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 22 หลังเท่านั้น และที่สำคัญได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วย ตั้งอยู่ในชุมชน Duy Tan จังหวัดกว๋างนาม (Quang Nam) หรืออยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองดานัง 70 กิโลเมตร และห่างจากเมืองฮานอย 40 กิโลเมตร และเปิดทำการตลอดทั้งปี สำหรับเวลาที่เหมาะสมในการมาเยี่ยมชม คือ ช่วงเช้า เพราะอากาศกำลังดี ไม่ร้อนจนเกินไป
ปราสาทหมีเซิน My Son Sanctuary เป็นปราสาทโบราณที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 ปราสาทแห่งนี้สร้างด้วยศิลปะจาม ตั้งอยู่ในเวียดนามกลาง วัตถุประสงค์เบื้องต้นก็เพื่อใช้เป็นสถานที่ตั้งบูชาพระศิวะ ซึ่งเป็นเทพเจ้าในความเชื่อของฮินดู และได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก
จากศตวรรษที่ 4 จวบจนถึงศตวรรษที่ 19 กว่า 900 ปี ที่โบราณสถานแห่งนี้ทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมใจของผู้นับถือศาสนาฮินดู เป็นนครศักดิ์สิทธิ์ของอาณาจักรจามปา จึงทำให้ที่นี่เป็นที่รวมลงของศิลปกรรมทางศาสนาฮินดูที่สมบูรณ์และเป็นที่กล่าวถึงมากที่สุดในอินโดจีน
ลักษณะของกลุ่มปราสาทหมีเซินแห่งนี้มีปราสาททั้งสิ้น 73 หลัง โอบล้อมด้วยภูเขา ภายในพื้นที่ 2 ตารางกิโลเมตร ใจกลางของพื้นที่ที่เป็นที่ราบต่ำมีลำธารน้ำไหลผ่าน ที่นี่เคยถูกระเบิดทำลายเมื่อครั้งสงครามเวียดนาม อเมริกาทิ้งระเบิดทำลายปราสาทเสียหายไปจำนวนมาก เหลือปราสาทเพียง 22 หลังเท่านั้น หลักฐานการทำลายในปัจจุบันคือ หลุมขนาดใหญ่ที่ปัจจุบันนี้อยู่บริเวณด้านหลังของกลุ่มวิหาร กรุ๊ป บี ซึ่ง ณ จุดนั้นสันนิษฐานว่า น่าจะเคยเป็นที่ตั้งของวิหารที่มีความสูงไม่น้อยกว่า 19 เมตรทีเดียว
ปราสาทหมีเซินอาจมีการทำลายไปมากกว่านี้เมื่อผ่านกาลเวลา แต่เมื่อได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก จึงได้รับการดูแลจนถึงปัจจุบันที่โบราณสถานหมีเซินตกทอดมาอายุมากกว่า 1600 ปีแล้ว คืออายุมากกว่านครวัดของกัมพูชาด้วยซ้ำ
จุดเด่นของปราสาทศักดิ์สิทธิ์ของชาวจามแห่งนี้คือ ลักษณะเป็นปราสาทเตี้ย ๆ ไม่ได้ยกฐานสูง สิ่งที่เหลือปัจจุบัน จะเห็นปราสาทหินแข็งแรงที่ลดหลั่นกันลงไป บริเวณโซนระหว่างกลุ่มปราสาท จะเห็นมีฐานสำหรับตั้ง แต่ไม่มีสิ่งประดิษฐานอยู่บนนั้นอยู่หลายฐาน
ปราสาทเป็นลักษณะก่ออิฐก้อนเล็กซ้อน ๆ กันขึ้นไป บริเวณซุ้มทึบจะมีรูปประติมากรรมคล้ายกับศิลปะชาวกัมพูชาเหมือนกัน บริเวณเสาที่ต่อขึ้นเป็นชั้นมีลวดลายสลักที่ยังคงเหลือให้เห็น รูปสลักบริเวณฐานตามช่องจะมีลักษณะแปลกตา ซึ่งต้องเป็นคนที่ศึกษาโบราณสถาน ศิลปะประจำยุคสมัยจึงจะเข้าใจ เพราะมีทั้งลักษณะเหมือนยักษ์มีเขี้ยว ลักษณะเหมือนลิง เป็นต้น มีรูปปั้นสัตว์
ภายในปราสาทบางหลังจะมีการเก็บรักษาชิ้นส่วนโบราณวัตถุเอาไว้ ซึ่งในอดีตคงเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของปราสาท
นอกเหนือจากการเข้าชมกลุ่มปราสาทแล้ว ยังมีจุดที่เรียกว่าพิพิธภัณฑ์ ซึ่งมีซากระเบิด B-52 ที่อเมริกามาทิ้งทำลายปราสาทด้วย หลักฐานนี้พบโดยทางกองทัพเยอรมันที่เข้ามาช่วยเคลียร์พื้นที่ เพราะหลังจากสิ้นสุดสงคราม ชาวเวียดนามยังกลัวจนไม่กล้าเข้าไปในพื้นที่
สิ่งที่น่าสนใจ ก้อนอิฐของชาวจามตั้งแต่โบราณ แม้ผ่านเวลามา 1600 ปี แต่ไม่มีมอสหรือตะไคร่ขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับผนังที่ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่กลับมี นับเป็นจุดสังเกตระหว่างของใหม่และของเก่า
รูปปั้นเทวาลัยตามผนังวิหาร จะไม่มีใบหน้าของเดิม ที่เห็นเป็นการซ่อมแซม ป้ายหินทรายแกะสลัก มีทั้งพระศิวะ พระขันธกุมาร พระพิฆเนศ เทพเจ้าที่คนไทยบางกลุ่มก็ให้ความนับถือ
นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ มักเป็นผู้นิยมของเก่า สถาปัตยกรรม ศิลปกรรมที่บ่งบอกชาติพันธุ์ ความเชื่อ ความสามารถที่น่าทึ่งของคนในอดีต ใครชอบแนวนี้อย่าพลาดที่นี่