ฟักทอง เป็นพืช ชนิดไม้เถาขนาดใหญ่ ผิวมีลักษณะขรุขระ เนื้อในสีเหลืองนิ่ม มีเมล็ดสีขาวแบน ๆ ติดอยู่ ซึ่งแต่ละส่วนของ “ฟักทอง” มีสรรพคุณทางมากมาย คือ
– เนื้อฟักทอง มีวิตามินเอสูง รวมทั้งฟอสฟอรัส แคลเซียม วิตามินซี แป้ง และที่จะลืมไปไม่ได้เลยก็คือ “เบต้าแคโรทีน” ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ในเนื้อสีเหลืองของฟักทอง สามารถช่วยลดการเกิดมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหัวใจได้ แถมเบต้าแคโรทีน ยังช่วยต้านความชรา ป้องกันโรคผิวหนัง บรรเทาอาการปวดเมื่อยของข้อเข่า และบั้นเอวได้เป็นอย่างดี
– เปลือกฟักทอง มีฤทธิ์ทางยามากมาย หากทานฟักทองทั้งเปลือก จะสามารถกระตุ้นการหลั่งอินซูลินในร่างกาย ซึงช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันการเกิดเบาหวาน ความดันโลหิต บำรุงตับ บำรุงไต บำรุงดวงตา และสร้างเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์ที่ตายไป ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
– ใบอ่อน มีวิตามินเอสูงเท่ากับเนื้อฟักทอง แต่มีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูงกว่าในเนื้อ
– ดอก มีวิตามินเอ ธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัส มีวิตามินซีเล็กน้อย
– เมล็ด ประกอบด้วยแป้ง ฟอสฟอรัส โปรตีนและวิตามิน รวมทั้งสารที่ชื่อว่า “คิวเคอร์บิติน” (cucurbitine) ซึ่งมีฤทธิ์ในการฆ่าพยาธิตัวตืดได้ดี และยังช่วยขับปัสสาวะ ป้องกันการเกิดนิ่ว มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ นอกจากนี้ น้ำมันจากเมล็ดฟักทองยังช่วยบำรุงประสาทได้ดี และยังมีกรดอะมิโนบางชนิดที่ช่วยป้องกันไม่ให้ต่อมลูกหมากของผู้ชายขยายใหญ่ขึ้น และช่วยปรับระดับฮอร์โมนเพศชายที่ได้จากลูกอัณฑะให้อยู่ในระดับปกติ
– ราก น้ำมาต้มน้ำใช้ดื่มแก้อาการไอได้ และยังช่วยบำรุงร่างกาย ถอนพิษของฝิ่นได้
– เยื่อกลางผล สามารถนำมาพอกแผล แก้อาการฟกช้ำ อาการปวด อักเสบได้
10 ประโยชน์ของ “ฟักทอง”
- ฟักทอง เป็นหนึ่งในผักที่มีสีเหลืองออกส้ม ที่ช่วยบำรุง และรักษาสายตา
- มีสารต้านอนุมูลอิสระ ทีช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง
- บำรุงผิวพรรณให้เต่งตึง ชุ่มชื่น ชะลอรอยเหี่ยวย่น
- เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
- ลดระดับน้ำตาลในเลือด ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันโรคเบาหวาน
- ไขมันน้อย น้ำตาลน้อย กากใยอาหารสูง พลังงานต่ำ จึงเป็นอาหารที่เหมาะกับคนที่กำลังลดน้ำหนัก
- ป้องกันโรคหลอดเลือด และหัวใจ
- ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานอย่างเป็นปกติ จากกากใยอาหารที่มีอยู่สูง
- ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย
- ป้องกันการเกิดโรคนิ่ว
วิธีทานฟักทองให้ได้ประโยชน์มากที่สุด
ฟักทองไม่ได้มีดีแค่เนื้อฟักทองสีเหลืองทองนะคะ น้ำมันฟักทองก็ช่วยบำรุงประสาท หรือแม้แต่เปลืองของฟักทองยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติอีกด้วย นอกจากนี้ ใครที่อยากทานฟักทองเพื่อลดความอ้วน ลดระดับน้ำตาลในเลือด ก็อย่าเผลอทานฟักทองแกงบวด ฟักทองสังขยาล่ะ เพราะเป็นขนมที่มีน้ำตาลสูง แนะนำให้ต้ม หรือนึ่งทาน ปั่นทานกับผักผลไม้อื่นๆ หรือทำซุปฟักทอง ฟักทองผัดไข่ทานเป็นอาหารคาวน่าจะดีกว่า
เหมาะสมสำหรับใครบ้าง?
- เป็นอาหารเสริมร่วมกับการทำเสริมสวยและศัลยกรรมใบหน้าทุกอย่างใบหน้าทุกอย่าง เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่มากยิ่งขึ้น (Synergistic Effect) และช่วยทำให้การบวมช้ำ อักเสบจากการรักษาให้ยุบเข้าสู่ภาวะปกติเร็วขึ้น (Short Downtime Period)
- เหมาะสำหรับคนไข้ที่อยู่ในระยะฟื้นตัวหลังการผ่าตัด (Postoperative Period) , ภาวะอุบัติเหตุ (Accident) และ ภาวะหลังการคลอดบุตรได้ (Postpartum Period)
- เป็นอาหารที่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ
- เป็นอาหารที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยในระหว่างพักฟื้น (Convalescence / Recovery Phase)