การมี “ผิวสวย” สุขภาพดี ถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะคุณสาวๆ ไม่จำเป็นต้องเสียเวลานั่งแต่งหน้านานๆ ทุกวันก่อนออกจากบ้านเพื่อปกปิดจุดบกพร่องต่างๆ ของผิว และที่สำคัญการเป็นเจ้าของ “ผิวสวย” แบบไม่ต้องง้อเครื่องสำอางยังเป็นการเปิดโอกาสให้คุณได้เผยตัวตนที่แท้จริงให้โลกได้รู้จักอีกด้วย มี 15 เคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณมีผิวสวยสุขภาพดี ชนิดที่เผยผิวแบบไร้เมคอัพได้สบายๆ แค่ ดูแลผิวหน้า ของเราสม่ำเสมอ
1. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
เซลล์ผิวหนังต้องการสารอาหารไม่แตกต่างจากส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ดังนั้นการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จึงส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพของผิวพรรณ หมั่นรับประทานผักและผลไม้เป็นประจำทุกวัน รวมไปถึงอาหารที่อุดมไปด้วยกรดไขมัน Omega-3 อย่างเมล็ดแฟลกซ์, วอลนัต และอาหารที่มีวิตามินสูง เช่น ส้ม, มันเทศ และฟักทอง หรือจะเป็นอาหารที่ให้โปรตีนสูง เช่น ไข่, เนื้อไก่, ถั่วแดง, ถั่วเลนทิล และคอทเทจชีสก็ได้ เพราะสารอาหารเหล่านี้จะทำให้คุณสาวๆ สวยจากภายในสู่ภายนอก เป็นความเปล่งปลั่งที่เครื่องสำอางหรือสกินแคร์ก็สู้ไม่ได้ และเพื่อให้ได้ผลมากยิ่งขึ้น ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่หวานจัด, ของทอด, งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ที่เป็นตัวการทำลายผิวสวยของเราได้อย่างร้ายกาจ
2. ดื่มน้ำมากๆ
“น้ำ” มีบทบาทสำคัญในการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย การดื่มน้ำให้ได้ 2.2 ลิตรต่อวันหรือประมาณ 9 แก้ว ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นของผิวและเซลล์ผิว ทั้งยังช่วยกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย และเมื่อผิวอิ่มน้ำก็จะไม่แห้งกร้านหรือเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร MIRROR แนะนำให้ลองฝานแตงกวาหรือเลมอนเป็นแว่นบางๆ และใส่ลงในน้ำดื่ม ทริกนี้จะช่วยให้ผิวได้รับความชุ่มชื้นไปพร้อมๆ กับสารอาหารที่เป็นประโยชน์ ทั้งยังช่วยให้ร่างกายกักเก็บน้ำได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
3. พักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับอย่างเพียงพอส่งผลทั้งต่อความรู้สึกและรูปลักษณ์ภายนอกของเรา นั่นเป็นเพราะร่างกายทำการซ่อมแซมส่วนต่างๆ ที่สึกหรอในช่วงที่เรานอนหลับ เปรียบไปก็ไม่ต่างกับการชาร์จแบตมือถือ ร่างกายของเราก็ต้องการการชาร์จที่เพียงพอก่อนการเริ่มต้นวันใหม่ในแต่ละวันเช่นกัน การนอน 6-8 ชั่วโมงต่อวันช่วยให้คุณรู้สึกกระฉับกระเฉงและผิวพรรณก็ดูสดชื่น เปล่งปลั่ง แถมรอยคล้ำใต้ตาก็จะไม่ถามหาอีกด้วย ที่สำคัญกระบวนการสร้างคอลลาเจนของผิวก็ทำงานได้ดีขณะที่เราหลับด้วยนะจ๊ะ
4. เลือกใช้สกินแคร์ที่ไม่มีส่วนผสมที่อาจเป็นอันตราย
ผิวหน้าของเราดูดซับอะไรก็ตามที่เราทาบนใบหน้าถึง 60% ดังนั้นก่อนจะเลือกซื้อสกินแคร์หรือผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม ควรศึกษารายละเอียดของส่วนผสมให้ดีซะก่อน พยายามหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของพาราเบน, สารที่ได้จากน้ำมันปิโตรเคมี และซัลเฟต เพราะสารเหล่านี้อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหรือทำให้ผมแห้งเสีย จะให้ดีสาวๆ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ได้มาจากธรรมชาติเท่านั้น (มี “สิว” เช็กด่วน เครื่องสำอางคุณมี 7 ส่วนผสมนี้หรือเปล่า)
5. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายส่งผลดีต่อทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่ว่าจะเข้ายิม, วิ่งตามสวนสาธารณะ, ฝึกโยคะหรือว่ายน้ำก็ล้วนเป็นประโยชน์ทั้งนั้น มีงานวิจัยที่ยืนยันว่าการออกกำลังกายช่วยให้ผิวพรรณมีสุขภาพดีขึ้น ทั้งยังช่วยให้อารมณ์หรือสุขภาพจิตของเราดีขึ้นได้อีกต่างหาก ลองออกกำลังกายอย่างน้อย 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แล้วคุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในทางที่เหลือเชื่อ เพราะการออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด, ช่วยกำจัดสารพิษ, เพิ่มปริมาณออกซิเจนที่ส่งไปยังเซลล์ผิวหนัง, ช่วยให้ร่างกายหลั่งสาร Endorphins ที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ซึ่งรวมถึงผิวพรรณของเราด้วย สาวๆ คนไหนที่ชอบออกกำลังกายกลางแจ้ง ก็อย่าลืมทาครีมกันแดดนะจ๊ะ
6. เลือกขั้นตอนการดูแลผิวที่เหมาะกับตัวเอง
รู้จักและเข้าใจผิวของตัวเองว่าเป็นผิวประเภทไหน เพื่อจะได้เลือกใช้สกินแคร์ที่ตอบโจทย์ โดยมี 3 ขั้นตอนดูแลผิวแบบง่ายๆ ที่ MIRROR เชื่อว่าใครๆ ก็ทำได้ นั่นคือ CTM – Cleansing, Toning และ Moisturizing แต่ทั้งนี้การจะเห็นผลมากน้อยนั้น ขึ้นอยู่กับความสม่ำเสมอในการปรนนิบัติผิวของคุณสาวๆ ด้วย ไม่ว่าจะมีข้ออ้างใดๆ ก็ตามที คุณก็ไม่ควรเข้านอนโดยที่ยังไม่ได้ล้างทำความสะอาดผิวหน้าโดยเด็ดขาด (วิธีเลือก “สกินแคร์” สำหรับผิวแต่ละประเภท)
7. ผลัดเซลล์ผิวหน้าอย่างพอดี
เคล็ดลับเบื้องหลังผิวที่เปล่งปลั่งคือการใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวหน้าที่อ่อนโยน เพราะเซลล์ผิวที่ตายแล้วค่อยๆ สะสมบนใบหน้าของเรา ทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำและอาจอุดตันรูขุมขนจนเป็นสาเหตุของสิวอักเสบหรือสิวหัวดำ การผลัดเซลล์ผิวจึงช่วยกระตุ้นให้ผิวหน้าได้สร้างเซลล์ผิวใหม่ที่สดใสกว่าเก่า นอกจากนั้นแล้วการผลัดเซลล์ผิวยังช่วยให้ผิวหน้าดูดซับสกินแคร์อื่นๆ เช่น เซรั่มหรือมอยส์เจอไรเซอร์ได้ดียิ่งขึ้น แต่ขอเตือนไว้นิดนึงว่า ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวที่มีฤทธิ์รุนแรงหรือใช้บ่อยกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อป้องกันการระคายเคืองที่อาจตามมาได้ (How to “ผลัดเซลล์ผิวหน้า” ที่บ้านยังไง ให้ปลอดภัย)
เคล็ดลับเบื้องหลังผิวที่เปล่งปลั่งคือการใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวหน้าที่อ่อนโยน เพราะเซลล์ผิวที่ตายแล้วค่อยๆ สะสมบนใบหน้าของเรา ทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำและอาจอุดตันรูขุมขนจนเป็นสาเหตุของสิวอักเสบหรือสิวหัวดำ การผลัดเซลล์ผิวจึงช่วยกระตุ้นให้ผิวหน้าได้สร้างเซลล์ผิวใหม่ที่สดใสกว่าเก่า นอกจากนั้นแล้วการผลัดเซลล์ผิวยังช่วยให้ผิวหน้าดูดซับสกินแคร์อื่นๆ เช่น เซรั่มหรือมอยส์เจอไรเซอร์ได้ดียิ่งขึ้น แต่ขอเตือนไว้นิดนึงว่า ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวที่มีฤทธิ์รุนแรงหรือใช้บ่อยกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อป้องกันการระคายเคืองที่อาจตามมาได้ (How to “ผลัดเซลล์ผิวหน้า” ที่บ้านยังไง ให้ปลอดภัย)
8. ทา “ครีมกันแดด” ทุกวัน
รังสี UVA, UVB และ UVC เป็นสาเหตุแห่งริ้วรอย เพราะฉะนั้นการทา “ครีมกันแดด” จึงเป็นขั้นตอนที่ไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด ครีมกันแดดช่วยป้องกันผิวจากแสงอาทิตย์ที่ทำให้เกิดจุดด่างดำ, ฝ้า, กระ หรืออาจร้ายแรงถึงขั้นเป็นมะเร็งผิวหนังได้เลยทีเดียว แพทย์ผิวหนังแนะนำให้ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 เป็นอย่างน้อย แม้ในวันที่เราอยู่แต่ในอาคารก็ตาม เพราะรังสียูวีสามารถส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาได้
9. ดื่ม “ชาเขียว”
สาร “แคทีชิน” ที่อยู่ในชาเขียวมีประโยชน์อย่างมากมายตั้งแต่การเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ปกป้องเซลล์จากการถูกทำลาย, กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด, ลดปริมาณคอเลสเตอรอลและความดันเลือด, รวมไปถึงช่วยให้ผิวมีสุขภาพดี นอกจากนั้นแล้วในชาเขียวยังมีส่วนผสมอย่าง EGCG ที่ช่วยเรื่องการลดน้ำหนักเพราะสามารถลดการดูดซึมไขมันของร่างกายได้ (“ชาเขียว” เนรมิต “ความงาม” ได้มากกว่าที่คุณคิด!)
10. “นวดหน้า” วันเว้นวัน
การนวดหน้าในที่นี้ MIRROR หมายถึงการนวดหน้าที่เราสามารถทำได้เองแบบง่ายๆ ที่บ้าน โดยการใช้ปลายนิ้วมือนวดวนเป็นวงกลมเบาๆ ทั่วใบหน้า อาจจะทำวันเว้นวันเพื่อช่วยลดเส้นริ้วต่างๆ บนใบหน้า, ช่วยยกกระชับผิวหน้าและช่วยให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่งอย่างเป็นธรรมชาติ การนวดหน้าด้วยน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์หรือน้ำมันอโรมาสำหรับนวดหน้ายังช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายได้ดีเลยแหละ ฝากไว้นิดนึงว่าสาวๆ ที่มีแนวโน้มจะเป็นสิวง่าย ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันมะพร้าว เพราะอาจเกิดการอุดตันได้ แต่สามารถเปลี่ยนไปใช้ Rosehip Oil หรือ Jojoba Oil แทนได้ (คืนวัยให้ผิวด้วย “Rosehip Oil”)
11. ไม่แกะหรือบีบสิว
ถ้าอยากจะมีผิวหน้าที่เนียนสวยได้โดยไม่ต้องแต่งหน้า Lady MIRROR ต้องห้ามใจตัวเองไม่ให้บีบหรือแกะสิวเวลาที่มันผุดขึ้นบนใบหน้าให้ได้ เพราะจะทำให้ทิ้งรอยแผลเป็นจากสิวที่ต้องใช้เวลานานกว่าจะจางหายไป ทางที่ดีควรใช้ยาแต้มสิวทาบริเวณนั้นจนสิวค่อยๆ ยุบไปเอง สำหรับสาวๆ ผิวมันอาจลองใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีส่วนผสมของ Salicylic Acid เพื่อเป็นการตัดไฟเสียแต่ต้นลมก็ได้ (11 วิธีดูแลผิวหน้าแบบครบสูตร สำหรับสาว “ผิวมัน”) (ไอเทมปราบสิว เครียดแค่ไหนก็เอาอยู่!)
12. ลงทุนกับไนต์ครีมดีๆ สักกระปุก
ครีมทาก่อนนอนมีส่วนช่วยฟื้นฟูและซ่อมแซมโครงสร้างของผิวที่จะทำให้เราตื่นมาพร้อมกับผิวหน้าที่ชุ่มชื้น อิ่มน้ำและเด้งฟู ยิ่งถ้าใครที่ต้องเผชิญกับฝุ่นควัน, มลภาวะและแสงแดดในช่วงกลางวันด้วยแล้วละก็ การทาไนต์ครีมจะช่วยให้ผิวของคุณได้พักและคลายความเครียดของผิวลงได้ (ผิวคุณ “เครียด” อยู่หรือเปล่า?)
13. มาสก์หน้าด้วยสูตรทำเอง
ลองจินตนาการถึงคืนวันศุกร์ที่คุณไม่อยากออกไปไหน การมาสก์หน้าและดูซีรีส์เรื่องโปรดน่าจะตอบโจทย์ที่ช่วยให้คุณผ่อนคลายสบายอารมณ์พร้อมกับได้ดูแลปรนนิบัติผิวหน้าเป็นพิเศษไปในเวลาเดียวกัน โดยส่วนผสมที่สามารถนำมาใช้ก็หาได้ง่ายๆ จากในบ้านของเรานี่แหละ ไม่ว่าจะเป็น น้ำผึ้ง, Yogurt, Oatmeal และผลไม้ชนิดต่างๆ (5 “สูตรมาส์กหน้า” ก่อนนอน ในงบ 100 บาท)
14. ใช้ปลอกหมอนที่ทำจากผ้าไหม
เคยตื่นมาพร้อมกับรอยยับบนใบหน้าที่เกิดจากการนอนทับรอยย่นบนปลอกหมอนกันมั้ยเอ่ย ปัญหานี้จะหมดไปถ้าลองเปลี่ยนมาใช้ปลอกหมอนที่ทำจากผ้าไหม เพราะไม่เพียงช่วยลดเส้นริ้วต่างๆ บนใบหน้าได้แล้ว ผ้าไหมยังมีคุณสมบัติป้องกันไรฝุ่นได้โดยธรรมชาติ ราคาอาจจะสูงกว่าปลอกหมอนแบบธรรมดาสักหน่อย แต่รับรองว่าใช้แล้วจะติดใจ!
15. ทำกิจกรรมที่ทำให้คุณมีความสุข
ความสุขของจิตใจก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าปัจจัยภายนอกอื่นๆ ที่กล่าวมาข้างต้นเลย ความเครียดและความจำเจในชีวิตประจำวันทำให้ความสดใสและความกระปรี้ประเปร่าของเราลดลง สังเกตได้ง่ายๆ จากแววตา คนที่มีความสุขแววตาจะเป็นประกายสดใส ขณะที่คนที่เป็นทุกข์ หน้าตาจะหมองคล้ำไม่มีชีวิตชีวา เพราะฉะนั้นพยายามหาเวลาให้ตัวเองได้ทำในสิ่งที่ชอบจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการวาดรูป, การปั่นจักรยาน, การดูหนังฟังเพลง หรือแม้แต่การทำอาหาร เพราะกิจกรรมเหล่านี้จะช่วยให้จิตวิญญาณของคุณร่าเริงและมันจะสะท้อนออกมาผ่านทางผิวพรรณ, รอยยิ้มและแววตาของคุณ