จำได้ว่าเมื่อก่อนการคุยกับคนใกล้ตัวถึงเรื่องทริปเที่ยว ยุโรป นั้น ดูเป็นเรื่องไกลตัวกว่าตอนนี้มากๆ ไม่ใช่แค่จะต้องเก็บเงินเที่ยวนะ ยังมีทั้งเรื่องของเที่ยวบิน เรื่องของเวลาอีกมากมาย เพราะไปทีก็ต้องลางานหลายวันด้วย กว่าจะไปได้ทีต้องใช้เวลาตัดสินใจเยอะมากวันนี้เราเลยจะนำสาระน่ารู้ของเมืองต่างๆของสถานที่ท่องเที่ยว
แต่การได้ไปสัมผัสเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม และแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่แปลกตา ทำให้ประเทศในทวีปยุโรป ล้วนมีสถานที่น่าหลงใหลชวนให้บินไปทั้งนั้น และทุกวันนี้การไปแถบยุโรปก็ง่าย และสะดวกกว่าเดิมมาก มีไฟล์ทบินทุกวัน และค่าใช้จ่ายไม่สูงเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน สตาร์ทไม่กี่หมื่นก็ได้ไปเที่ยวแล้ว แต่ก่อนจะแพ็คกระเป๋าเดินทางเราไปดูกันว่า ประเทศในทวีปยุโรปมีสถานที่ท่องเที่ยวไหนบ้าง ที่ต้องไปเยือนให้ได้
ออสเตรีย (Austria)
ใครที่ชอบฟังดนตรีคลาสสิก ชอบดูงานศิลปะ และสถาปัตยกรรมต่างๆ ท่ามกลางบรรยากาศแสนโรแมนติกล่ะก็ ต้องนึกถึง เวียนนา (Vienna) เมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศ อันขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแสนสะอาดรายล้อมด้วยธรรมชาติและขุนเขา ทั้งเมื่อปี 2014 ยังได้รับการกล่าวขานว่าเป็นเมืองที่น่าอยู่ และคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดในโลก สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวไม่ควรพลาด อาทิ
- พระราชวังมรดกโลก-พระราชวังเชินบรุนน์ (Schoenbrunn Palace) พระราชวังฤดูร้อนอันยิ่งใหญ่ของราชวงศ์ฮับส์บวร์ก สร้างขึ้นปลายศตวรรษที่ 17
- จัตุรัสสเตฟาน (Stephansplatz) ศูนย์กลางกรุงเวียนนา ผู้คนมากมายนิยมมาเที่ยวที่จัตุรัสแห่งนี้ เพราะเป็นที่ตั้งของ มหาวิหารเซนต์สตีเฟน (St. Stephen) สัญลักษณ์ของเมืองและสำคัญที่สุดของออสเตรีย ด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่อ่อนช้อยงดงามมาก
- บ้านดนตรี (House of Music) ภายในบ้านดนตรีได้จัดสรรพื้นที่เป็นห้องพิพิธภัณฑ์ทางดนตรีของเหล่าศิลปินชื่อก้องโลกอย่าง บีโธเฟ่น (Ludwigvan Beethoven), โมสาร์ต (Wolfgang Amadeus Mozart), โยฮัน สเตราส (Johann Strauss)
- สวนสนุกพราเตอร์ (Prater) สวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดของออสเตรีย และมีชิงช้าสวรรค์ (Riesenrad) ขนาดยักษ์สูงกว่า 200 ฟุต เป็นชิงช้าสวรรค์ที่อยู่คู่เวียนนามาตั้งแต่ ค.ศ.1879 เมื่อขึ้นไปนั่งจะได้ชมวิวกับบรรยากาศที่แสนวิเศษ
เบลเยี่ยม (Belgium)
แม้ว่า “เบลเยียม” (Belgium) จะโด่งดังในเรื่องของช็อกโกแลต แต่ประเทศนี้ยังมีมนต์เสน่ห์อีกหลายอย่างรอให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัส ประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 1,000 ปี ประเทศเล็กๆ แห่งนี้แสนสงบ อากาศดี อุณหภูมิเฉลี่ย 5-18 องศาเซลเซียส ตลอดปี น่าไปชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมและธรรมชาติ โดยเฉพาะ “กรุงบรัสเซลส์” (Brussels) เมืองหลวง ซึ่งเป็นศูนย์กลางของสหภาพ ยุโรป มีความงามเป็นเอกลักษณ์ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนไม่ขาดสาย มีไฮไลต์อย่าง
- ศาลาว่าการกรุงบรัสเซลส์ (Brussels Town Hall) สร้างด้วยสถาปัตยกรรมเเบบโกธิกตั้งแต่ยุคกลาง ตระหง่านมั่นคงมาถึงปัจจุบัน จุดเด่นอยู่ที่ยอดแหลมของหอแขวนระฆังที่สวยงามมาก
- จัตุรัสกรองด์ ปลาส (Grong Plas) สถานที่ท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของเบลเยียม อายุกว่า 400 ปี ถือเป็นจุดดึงดูดให้ทุกกรุ๊ปทัวร์มาเยือน เพราะสวยงามติดอันดับต้นๆ ของทวีปยุโรป เเวดล้อมไปด้วยอาคารเก่าเเก่สถาปัตยกรรมเเบบบาร็อก, โกธิก เเละนีโอโกธิก เเต่ละอาคารที่โอบล้อม ล้วนสูงตระหง่านสง่างาม และขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกตั้งแต่ปี 1983
เดนมาร์ก (Denmark)
เดนมาร์ก โอบล้อมด้วยมหาสมุทร และเต็มไปด้วยสถานที่สวยงามมากมาย ทั้งธรรมชาติและสถาปัตยกรรมสุดอลังการ ไม่ว่าจะเป็น
- พระราชวังฤดูหนาว หรือ พระราชวังอะเมรินโบรก ที่ยิ่งใหญ่ เคยเป็นที่ประทับของ สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2 แห่งเดนมาร์ก อาคารเป็นสถาปัตยกรรมร็อคโคโค ตรงกลางมีลานกว้างใหญ่แบบแปดเหลี่ยม ประดิษฐานอนุสาวรีย์ King Frederik V ประทับบนหลังม้า
- พระราชวังโรเซนเบิร์ก สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของกรุงโคเปนเฮเกน งานสถาปัตยกรรมยุคดัตส์เรเนสซอง อายุกว่า 400 ปี ด้านนอกโอบล้อมด้วยสวนคิงส์การ์เด้น ชวนให้เดินเล่นถ่ายรูป
- จัตุรัสซิตี้ฮอลล์ สถานที่ที่มีสถาปัตยกรรมเก่าแก่สวยที่สุดของกรุงโคเปนเฮเกน และใกล้ๆ กัน ยังมี ถนนคนเดินสตรอยก์ (Stroget) แหล่งช้อปปิ้งที่ถูกยกให้เป็นถนนคนเดินยาวที่สุดในยุโรป
- น้ำตกมูลาฟอสเซอร์ น้ำตกธรรมชาติที่โอบล้อมด้วยความเขียวขจี และก้อนเมฆที่ลอยรอบตัว ราวกับอยู่บนสวรรค์ โดดเด่นด้วยภูเขาหินที่มีน้ำตกแทรกลงมาดูแปลกตา
อังกฤษ (England)
หนึ่งในประเทศที่มีอิทธิพลต่อทวีปยุโรปมาตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน เสน่ห์ที่ทำให้ใครต่อใครหลงรักอังกฤษคือวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ มีธรรมชาติที่สวยงามพร้อมสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ชวนตะลึงมากมาย ไล่ไปตั้งแต่
- พระราชวังบักกิงแฮม (Buckingham palace) พระราชวังเก่าแก่ของราชวงศ์อังกฤษ ปัจจุบัน เป็นพระราชฐานของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และพระราชวงศ์ ซึ่งได้เปิดบางส่วนให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมความงดงามของสถาปัตยกรรมสุดอลังการ
- หอนาฬิกาบิ๊กเบน (Big Ben) สถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์กลางกรุงลอนดอน อายุมากกว่า 150 ปี สูงเกือบ 100 เมตรมีหน้าปัดนาฬิกาทั้ง 4 ด้าน ระฆังด้านในหนักถึง 13 ตัน จึงมีเสียงดังกังวานไปทั่วเมือง
- สโตนเฮนจ์ (Stonehenge) อนุสรณ์สถานที่สร้างความฉงนใจให้กับชาวโลก ด้วยกลุ่มแท่งหินมหึมา อายุมากกว่า 5,000 ปี เรียงเป็นวงกลม 2 วง ซ้อนกัน อีกแท่งวางอยู่ด้านบน อยู่กลางทุ่งโล่งกว้างสีเขียวสด เกิดเป็นทัศนียภาพที่สวยแปลกตา
- โคคา-โคลา ลอนดอน อาย (Coca-Cola London Eye) อีกหนึ่งประสบการณ์ที่จะทำให้จดจำอังกฤษไปตลอดกาล กับการขึ้นชิงช้าสวรรค์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สูงกว่า 135 เมตร ตั้งโดดเด่นริมแม่น้ำเทมส์ ที่นักท่องเที่ยวจะได้เห็นทัศนียภาพของลอนดอนในมุมสูง