มะขาม หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า Tamarind มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Tamarindus indica L. เป็นพรรณไม้ต้นขนาดกลางถึงใหญ่ แผ่กิ่งก้านสาขามาก เปลือกของต้นมีความหนา ขรุขระ ใบย่อยออกเป็นรูปขอบขนาน ปลายใบและโคนใบมน ออกดอกเป็นช่อเล็กๆ ตามปลายกิ่ง ส่วนผลเป็นฝักยาวประมาณ 3-20 เซนติเมตร รูปร่างโค้งหยักตามข้อปล้องของผล เปลือกของฝักเมื่ออ่อนจะมีสีเขียวอมเทา เนื้อในติดกับเปลือก มีเมล็ดอยู่ในฝัก แต่เมื่อแก่เปลือกจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อน มีความแข็ง แห้ง กรอบ แตกง่าย เนื้อข้างในเป็นสีน้ำตาล เมล็ดใหญ่ กลม สีดำ รสชาติมีทั้งหวานและเปรี้ยว ซึ่งนอกจากผลมะขามแล้ว ใบมะขามก็เป็นส่วนที่นิยมนำมาทำเมนูอร่อยๆ กินกันด้วยเนอะ
มะขาม ประโยชน์ช่างดีต่อสุขภาพ
ไม่ว่าจะเนื้อมะขาม ใบมะขาม หรือแม้กระทั่งเมล็ดมะขาม ก็ล้วนมีสรรพคุณดีต่อสุขภาพ ตามนี้เลย
1. ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย
ในเนื้อมะขามมีกรดอินทรีย์ที่มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ สามารถทำเป็นน้ำมะขามดื่มแก้ท้องผูกได้ โดยนำมะขามเปียกผสมกับน้ำอุ่น 1 แก้ว ละลายให้เข้ากัน แค่นี้ก็ได้สูตรระบายท้องทำง่ายๆ แล้ว
2. แก้ไอ ขับเสมหะ
มะขามเป็นสมุนไพรที่มีวิตามินซีสูง และยังมีสารสำคัญอย่างกรดทาร์ทาริก (Tartaric acid) ซึ่งมีสรรพคุณบรรเทาอาการไอ กระตุ้นการหลั่งน้ำลายและขับเสมหะ แถมยังช่วยบรรเทาอาการอักเสบ รักษาหวัด และขับเหงื่อ โดยจะกินมะขามจิ้มเกลือหรือจะทำน้ำมะขามดื่มก็แล้วแต่ชอบเลย
3. ป้องกันและรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน
วิตามินซีเป็นวิตามินที่ช่วยป้องกันและรักษาอาการเลือดออกตามไรฟัน ซึ่งในเนื้อมะขามฝักอ่อนมีวิตามินซีอยู่ประมาณ 44 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม ส่วนในเนื้อมะขามเปียกจะมีวิตามินซีราวๆ 13 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม สามารถกินเพิ่มวิตามินซีให้ร่างกายได้ทุกวัน เพื่อช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน และยังช่วยเรื่องขับถ่ายได้อีก
4. บำรุงกระดูกและฟัน
มะขามจัดเป็นอาหารแคลเซียมสูงชนิดหนึ่งเลยล่ะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นยอดอ่อน ฝักอ่อน หรือมะขามเปียก ในปริมาณ 100 กรัม ก็มีแคลเซียมอยู่ที่ 14, 429 และ 314 มิลลิกรัม ตามลำดับ มะขามจึงมีสรรพคุณช่วยบำรุงกระดูกและฟันไปด้วยในตัว
5. ขับเลือดลมในหญิงเพิ่งคลอดบุตร
ตามตำรับแพทย์แผนไทยมีการใช้มะขามเปียกคั้นกับเกลือและน้ำ ให้หญิงคลอดบุตรใหม่ๆ ดื่มเพื่อขับเลือดลมที่ตกค้างในร่างกาย นอกจากนี้ใบมะขามยังใช้ต้มกับน้ำให้หญิงหลังคลอดอาบเพิ่มความรู้สึกสะอาดสดชื่นอีกด้วย
6. ขับลมในลำไส้ แก้บิด
ใบมะขามสดมีรสเปรี้ยว ฝาด มีกรดเล็กน้อย สามารถกินช่วยระบายท้อง ขับลมในลำไส้ แก้บิด โดยนำใบมะขามอ่อนมาประกอบอาหารรับประทานได้เลย
7. แก้ท้องเสีย
คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยพะเยา เผยข้อมูลว่า เปลือกหุ้มเมล็ดมะขามอุดมไปด้วยสารกลุ่มโพรแอนโธไซยานิดินส์จำพวกแทนนิน มีสรรพคุณแก้ท้องเสีย ท้องร่วง ส่วนเนื้อในเมล็ดของมะขามที่ชาวเหนือนิยมนำมาคั่วกิน ก็มีสรรพคุณแก้ท้องเสีย ขับพยาธิตัวกลมด้วยเช่นกัน แต่ทั้งนี้ก็ไม่ควรรับประทานเปลือกหุ้มเมล็ดมะขามมากเกินไป เพราะอาจได้รับแทนนินในปริมาณที่สูงเกินความจำเป็นจนอาจกระทบกับการจับโปรตีนในระบบย่อยอาหาร และมีส่วนยับยั้งการดูดซึมธาตุเหล็กได้
8. รักษาแผล
สารต้านอนุมูลอิสระและสารแทนนินในเปลือกหุ้มเมล็ดมะขามมีสรรพคุณชะล้างบาดแผล พอกรักษาบาดแผลไฟลวก สมานแผลสด รักษาแผลของผู้ป่วยโรคเบาหวาน นอกจากนี้ ถ้านำเปลือกต้นมะขามมาต้มหรือฝนกับน้ำปูนใส นำมาล้างแผลหรือรักษาบาดแผลเรื้อรังก็ได้เช่นกัน
9. สารต้านอนุมูลอิสระสูง
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทำการศึกษาและพบว่า ในเปลือกหุ้มเมล็ดมะขามมีสารต้านอนุมูลอิสระ และมีสารประกอบฟีนอลิกในปริมาณสูง โดยสารสกัดจากเปลือกหุ้มเมล็ดมะขามมีฤทธิ์ต้านออกซิเดชั่นได้ดีกว่าวิตามินอี 3.14 เท่า นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณยับยั้งอนุมูลอิสระได้ร้อยละ 50 ซึ่งถือว่ามีสารต้านอนุมูลอิสระสูง และดีต่อสุขภาพอย่างน่าสนใจ แต่ทั้งนี้ก็ควรจำกัดปริมาณสารสกัดเปลือกหุ้มเมล็ดมะขามให้อยู่ในปริมาณ 300 มิลลิกรัมต่อวัน หรือประมาณ 1 แคปซูล ไม่ควรกินมากไปกว่านี้
10. ผลัดเซลล์ผิวเก่า เผยเซลล์ผิวใหม่
มะขามมี AHA ค่อนข้างสูง และถ้าเรานำมะขามเปียกมาขัดผิว เส้นใยในเนื้อมะขามจะช่วยทำความสะอาดและผลัดเซลล์ผิวเก่าออกไป ส่วน AHA ก็จะช่วยบำรุงผิวให้ขาวกระจ่างใส โดยสูตรมะขามขัดผิวก็มีอยู่หลายสูตรด้วยกัน ลองเลือกสูตรที่ง่ายและสะดวกได้เลย