ดูเหมือนว่าแนวโน้มที่ประเทศ ญี่ปุ่น จะกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง เริ่มเข้าใกล้ความจริงเข้ามาทุกขณะ สังเกตได้จากทางรัฐบาลญี่ปุ่นรวมทั้งหน่วยงานองค์กรที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยว มีแนวโน้มออกมาตรการสำหรับการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่ผ่อนปรนมากขึ้น หากแต่ก็ยังคงมีข้อระเบียบบังคับที่จะต้องปฏิบัติตามอยู่ ซึ่งวันนี้เราจะมาอัปเดตรายละเอียดให้ฟังคร่าว ๆ กัน
ญี่ปุ่น อนุมัติให้ไทยเป็น 1 ใน 4 ประเทศโครงการนำร่อง
เมื่อช่วงวันที่ 17 พฤษภาคม 2565 ประกาศ จาก Japan Tourism Agency ของรัฐบาลญี่ปุ่น เกี่ยวกับ โครงการนำร่อง Pilot Study เพื่อเก็บข้อมูลในการเปิดประเทศ ให้ประเทศต่าง ๆ เข้ามาเที่ยวญี่ปุ่นในอนาคต ซึ่งหลายนคนก็ดีใจ ด้วยเพราะประเทศไทยติด 1 ใน 4 รายชื่อประเทศที่ญี่ปุ่นอนุมัติ ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย สิงคโปร์ และไทย แต่ก็เพิ่งดีใจไป เพราะนี่เป็นโครงการนำร่องท่องเที่ยวสำหรับกรุ๊ปทัวร์เล็ก ๆ ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2565 เพื่อที่ว่าทางการญี่ปุ่นเองจะได้เก็บเป็นฐานข้อมูลเพื่อใช้ประเมินสำหรับการเปิดประเทศต่อไปในอนาคต
เงื่อนไขสำหรับผู้ที่จะเดินทางเข้าญี่ปุ่นตามโครงการนำร่อง
หลายคนอาจตื่นเต้นและดีใจไปกับข่าวดังกล่าวของทางการญี่ปุ่น หากแต่เมื่อพิจารณาดี ๆ แล้ว จะพบว่ายังคงมีเงื่อนไขบางประการที่เป็นข้อกำหนดสำหรับนักท่องเที่ยวที่เข้าร่วมโครงการนำร่อง (Pilot Study) ได้แก่
- ต้องได้รับวัคซีนป้องกันโควิด 19 มาแล้ว 3 เข็ม ทั้งนี้รายชื่อวัคซีนที่ญี่ปุ่ยรับรอง คือ
Pfizer รับวัคซีนครบ 3 เข็มเข้าได้เลย
Moderna รับวัคซีนครบ 3 เข็มเข้าได้เลย
Astra Zeneca รับวัคซีน 2 เข็มแรก (เข็มที่ 3 ต้องเป็น Pfizer, Moderna หรือ Novavax)
Novavax รับวัคซีนครบ 3 เข็มเข้าได้เลย
Covaxin รับวัคซีน 2 เข็มแรก (เข็มที่ 3 ต้องเป็น Pfizer, Moderna หรือ Novavax)
Johnson & Johnson รับเพียง 1 เข็ม เข้าได้เลย
- จำเป็นต้องมากับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีเส้นทางท่องเที่ยวที่กำหนดไว้
- การเปิดรับนักท่องเที่ยวในลักษณะนี้ เป็นเพียงการทดลอง หากไม่มีการแพร่ระบาดของเชื้อ จะพิจารณามขยายรับนักท่องเที่ยวเพิ่มเติมต่อไป
- ต้องทำประกันรักษาพยาบาล
- เดินทางได้ที่จังหวัดที่อนุญาติให้เข้า และไม่ได้ประกาศภาวะฉุกเฉิน
ญี่ปุ่น ยังไม่เปิดประเทศแบบเต็มรูปแบบ
อย่างที่บอกไปแล้วว่าโครงการนำร่อง (Pilot Study) เป็นเพียงการเก็บข้อมูล เพื่อนำไปประเมินสำหรับการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบในอนาคตข้างหน้าต่อไป ดังนั้น การเปิดประเทศของญี่ปุ่นในช่วงเดือนมิถุนายน 2565 ที่จะถึง จึงไม่ใช่เปิดประเทศแบบเต็มบาน แต่เป็นเพียงการแง้มบานประตู ภายใต้มาตรการที่ระมัดระวังเช่นเคย เช่น
- เพิ่มจำนวนโควต้าคนเดินทางเข้าประเทศจาก 10,000 เป็น 20,000 คน
- ยังต้องขอวีซ่าในการเข้าประเทศญี่ปุ่น
- อาจต้องมีการกักตัวและต้องมีผลตรวจโควิด
สำคัญที่สุด ในช่วงแรกนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าญี่ปุ่นผ่านบริษัททัวร์เท่านั้น เพื่อที่ทางญี่ปุ่นจะสามารถทราบกำหนดเส้นทางและจำนวนคนได้
ญี่ปุ่น ประกาศเปิดรับนักท่องเที่ยว จาก 98 ประเทศ แต่จำกัดเฉพาะกรุ๊ปทัวร์
ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2565 นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีแห่งประเทศญี่ปุ่น ได้ประกาศแล้วว่า จะให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวญี่ปุ่น แบบกรุ๊ปทัวร์ที่มีไกด์ได้แล้วตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป ซึ่งก่อนหน้านี้ รัฐบาลญี่ปุ่น ได้ทดสอบรับกรุ๊ปทัวร์ขนาดเล็กจาก 4 ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ไทยและสิงคโปร์ ล่าสุดรัฐบาลญี่ปุ่น ประกาศปรับกฏการตรวจคนเข้าเมือง โดยกลับมารับนักท่องเที่ยวที่มาเป็นแพ็กเกจทัวร์จาก 98 ประเทศ
ทั้งนี้ เพิ่มจำนวนคนเข้าประเทศเป็น 20,000 คนต่อวัน ตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2565 สำหรับประเทศที่มีอัตราการติดเชื้อต่ำ จะให้เข้าโดยไม่ต้องตรวจโควิดตอนเข้า ไม่ต้องกักตัว ไม่ต้องฉีดวัคซีน ซึ่งไทยก็อยู่ในกลุ่มนี้ นั่นคือ ไม่ต้องตรวจ RT-PCR ที่สนามบินญี่ปุ่น, ไม่ต้องกักตัว และวัคซีนฉีดก็ได้ไม่ฉีดก็ได้ (ไม่ต้องมี vaccine certificate)
มาตรการสำหรับการเดินทางเข้าประเทศไทยสำหรับบุคคลสัญชาติไทย
การเดินทางเข้าประเทศไทยทางอากาศ สามารถลงทะเบียนบน Thailand Pass ได้ตั้งแต่ 29 เมษายน 2565 เวลา 00.01 น. (เวลาประเทศไทย) มาตรการเดินทางเข้าประเทศไทยทางอากาศ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป มีดังนี้
กลุ่ม 1 ผู้ได้รับวัคซีนครบตามข้อกำหนด
- ลงทะเบียนในระบบ Thailand Pass
- แนบเอกสารประกอบ ได้แก่ หนังสือเดินทาง เอกสารรับรองการได้รับวัคซีน หลักฐานการมีประกันที่ครอบคลุมการรักษาพยาบาลในไทย วงเงินขั้นต่ำ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ (สำหรับชาวต่างชาติ) และวีซ่า (หากจำเป็น)
ไม่ต้องตรวจหาเชื้อโควิด 19 ทั้งก่อนเดินทางและเมื่อเดินทางถึงประเทศไทย
กลุ่ม 2 ผู้ไม่ได้รับวัคซีน/ได้รับวัคซีนไม่ครบตามข้อกำหนด
กรณี 1 หากมีผลตรวจ RT-PCR เป็นลบ ที่ออกภายใน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง
- ลงทะเบียนในระบบ Thailand Pass
- แนบเอกสารประกอบ ได้แก่ หนังสือเดินทาง ผลตรวจ RT-PCR ที่ออกภายใน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง (ต้องแนบบน Thailand Pass เท่านั้น)
- แนบหลักฐานการมีประกันที่ครอบคลุมการรักษาพยาบาลในไทย วงเงินขั้นต่ำ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ (สำหรับชาวต่างชาติ)
- วีซ่า (หากจำเป็น) ไม่ต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด 19 เมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย
ทั้งนี้ ผู้เดินทางที่ได้รับอนุมัติให้เดินทางเข้าไทยในรูปแบบ AQ เดิม จะต้องลงทะเบียนบน Thailand Pass อีกครั้ง หากประสงค์เดินทางเข้าไทยโดยยกเว้นการกักตัว
กรณี 2 เข้ากักกัน 5 วัน
- ลงทะเบียนในระบบ Thailand Pass
- แนบเอกสารประกอบ ได้แก่ หนังสือเดินทาง หลักฐานการชำระเงินค่าโรงแรมสำหรับกักกัน (Alternative Quarantine) จำนวน 5 วัน (พร้อมค่าตรวจ RT-PCR 1 ครั้ง)
- วีซ่า (หากจำเป็น) รับการตรวจ RT-PCR ในวันที่ 4-5 (ไม่ต้องตรวจก่อนเดินทางมาไทย)
ทั้งนี้ สำหรับผู้เดินทางที่ได้รับอนุมัติ Thailand Pass ก่อนหน้านี้แล้ว สามารถใช้ QR Code ที่ได้รับแล้วในการเดินทางได้ โดยไม่ต้องลงทะเบียนใหม่